01. Creeping Death 02. Fuel 03. Wherever I May Roam 04. For Whom The Bell Tolls 05. Fade To Black 06. Battery 07. Master Of Puppets 08. The Thing That Should Not Be 09. Welcome Home (Sanitarium) 10. Disposable Heroes 11. Leper Messiah 12. Orion 13. Damage, Inc. 14. Sad But True 15. Nothing Else Matters 16. One 17. Enter Sandman 18. Last Caress 19. Seek & Destroy
01. Critical Acclaim 02. Second Heartbeat 03. Afterlife 04. Beast and Harlot 05. Scream 06. Seize the Day 07. Walk 08. Bat Country 09. Almost Easy 10. Gunslinger 11. Unholy Confessions 12. A Little Piece of Heaven
1. There There 2. 2+2=5 3. Lucky 4. The National Anthem 5. Talk Show Host 6. Where I End And You Begin 7. Climbing Up The Walls 8. The Gloaming 9. No Surprises 10. Fake Plastic Trees 11. Sit Down, Stand Up 12. Go To Sleep 13. Sail To The Moon 14. Paranoid Android 15. Idioteque 16. Everything In It's Right Place
Guns N' Roses เป็นวงร็อกอเมริกัน ก่อตั้งวงในลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนียในปี ค.ศ. 1985 นำโดยหัวหน้าวงและผู้ร่วมก่อตั้งวง เอ็กเซล โรส จากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกในวงและมีข้อขัดแย้งต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งวง โดยมีผลงานสตูดิโออัลบั้ม 5 ชุด 2 อีพี และหนึ่งอัลบั้มการแสดงสด หลังจากนั้นอีกร่วมทศวรรษ ทางวงออกผลงานที่ยาวนานต่อการรอคอยชุด Chinese Democracy ในวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 2008 และถือเป็นอัลบั้มการอัดเสียงดั้งเดิมหลังจากปี 1991 กับผลงานชุด Use Your Illusion I และ Use Your Illusion II กันส์แอนด์โรสเซส มียอดขายทั่วโลกประมาณ 90 ล้านชุด รวมถึง 39 ล้านชุดในสหรัฐอเมริกา ผลงานอัลบั้มชุดแรกที่ชื่อชุด Appetite for Destruction มียอดขาย 27 ล้านชุดทั่วโลก และสามารถขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ทอัลบั้มของบิลบอร์ด 200 นอกจากนั้นยังมีซิงเกิ้ลท็อป 10 ถึง 3 เพลงจากชุดนี้คือเพลง "Sweet Child o' Mine" ที่ขึ้นถึงอันดับ 1 ส่วนอัลบั้มในปี 1991 ชุด Use Your Illusion I และ Use Your Illusion II เข้าอันดับสัปดาห์แรกที่อันดับ 1 และ 2 บนชาร์ทบิลบอร์ด 200 และมียอดขาย 14 ล้านชุดเฉพาะในสหรัฐอเมริกา
ผลงาน 1987: Appetite for Destruction 1988: G N' R Lies 1991: Use Your Illusion I 1991: Use Your Illusion II 1993: "The Spaghetti Incident?" 2008: Chinese Democracy
เพลงแรกที่ได้บันทึกเสียงในอัลบั้มชุดแรกคือ "Our Lady of Sorrows" มาย เคมิคอล โรแมนซ์ได้เซ็นสัญญากับค่าย อายบอลล์ เรคคอร์ดส์ (Eyeball Records) พร้อมกับเริ่มทำอัลบั้มชุดแรกของวง I Brought You My Bullets, You Brought Me Your Love ออกวางขายในปี 2002 โดยได้ เจออฟฟ์ ริคลีย์ (Geoff Rickly) นักร้องนำวง เติร์สเดย์ (Thursday) มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้
ต่อมาทางวงในเซ็นสัญญากับค่ายรีไพรส์ เรคคอร์ดส์ (Reprise Records) สังกัดวอร์เนอร์ มิวสิก (Warner Music) ออกอัลบั้มที่ 2 ชื่อ Three Cheers for Sweet Revenge ออกวางขายในปี 2004 มีเพลงดังในอัลบั้มอย่าง "I'm Not Okay (I Promise) ", "Helena" และ "The Ghost of You"
ในอัลบั้มชุดที่ 3 “The Black Parade” ชุดนี้มาย เคมิคอล โรแมนซ์ ร่วมงานกับร่วมกับ ร็อบ คาวัลโญ่ (Rob Cavallo) โปรดิวเซอร์ที่เคยทำงานร่วมกับกรีนเดย์ และอลานิส มอริสเส็ทท์ โดยมี “Welcome To The Black Parade” เป็นซิงเกิ้ลแรกที่ขึ้นอันดับ 1 ในอังกฤษ ส่วนในอันดับอัลบั้มในอเมริกาเปิดตัวที่อันดับ 2
มาย เคมิคอล โรแมนซ์ ยังได้โชว์ในงาน Red Carpet On The Rock ซึ่งเป็นงาน Pre-Event ของ “เอ็มทีวี วีดีโอ มิวสิก อวอร์ดส” เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2006
อัลบั้ม
I Brought You My Bullets, You Brought Me Your Love 2002
I Brought You My Bullets, You Brought Me Your Love 2004
ปี 1995 เริ่มต้นปีด้วยความสำเร็จ โอเอซิส ได้รับรางวัล Best Band, Best New Band และ Best Single (จากเพลง "Live Forever") จาก NME Brat Awards ตามมาด้วยการคว้ารางวัลสำคัญ Best Newcomer จาก BRIT Award ในเดือนต่อมา พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจากการทัวร์คอนเสิร์ต บัตรถูกขายหมดเกลี้ยงในทุกโชว์ในอังกฤษ วงจึงได้หันไปเน้นโปรโมชันในตลาดอเมริกา และกลายเป็นขวัญใจ MTV และสถานีวิทยุโมเดิร์นร็อกของอเมริกา มีเพลงฮิตอย่าง Live Forever กับ Supersonic ในที่สุดอัลบั้มDefinitely Maybe ก็ได้แผ่นเสียงทองคำในสหรัฐ โอเอซิส ประสบความสำเร็จขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับความสัมพันธ์ ของสมาชิกในวง โดยเฉพาะ 2 พี่น้อง โนล ไม่พอใจที่ เลียม สปอยล์มากชอบเดินออกจากเวทีคอนเสิร์ตไปเฉย ๆ ถ้าเกิดไม่สบอารมณ์ขึ้นมา มีครั้งหนึ่งหลังจากที่โนลเพิ่งแต่งเพลง Don't Look Back In Anger กับ Wonderwall เสร็จใหม่ๆ โนลบอกว่าเลียมมีสิทธิร้องแค่เพลงเดียว อีกเพลงเขาจะร้องเอง เลียมฟังแล้วหงุดหงิดอารมณ์เสียมากถึงกับทำลายข้าวของ
ปี 1996 โอเอซิส ประสบความสำเร็จอย่างสูง อัลบั้ม (What's The Story) Morning Glory? ของพวกเขาขายได้ถึง 20 ล้านแผ่น มีผลงาน Top 10 ทั้งในยุโรปและเอเชีย ในเดือนสิงหาคม 5% ของคนทั้งเกาะอังกฤษ (250,000 คน) เข้าคิวยาวควัก กระเป๋าซื้อบัตรคอนเสิร์ตราคา 22 ปอนด์ครึ่ง เพื่อมาดู โอเอซิส ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตกลางแจ้ง 2 รอบที่ Knebworth ทำสถิติเป็นคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ ว่ากันว่ามี ผู้ต้องการจับจองตั๋วมากกว่า 2 ล้านคน!! นอกจากนี้วงยังได้รับการเสนอชื่อรางวัล BRIT Award ถึง 6 รางวัล และกวาดไปได้ 3 รางวัล นั่นคือ Best Band, Best Album (จากอัลบั้ม What's the Story) Morning Glory) และ Best Video (จากเพลง Wonderwall) เดือนเมษายนปีนั้น Oasis ได้ขึ้นปกนิตยสารดังอย่าง Rolling Stone ของอเมริกา ซึ่งเป็นการบอกให้โลกได้รับรู้ว่าพวกเขามาแล้ว แต่ Oasis ก็ไม่สามารถแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวในอเมริกา ทั้งที่สามารถคว้ารางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวถึง 5 แผ่น ซิงเกิ้ล Wonderwall ก็ขึ้นไปถึง Top 10 อาจเป็นเพราะคนอเมริกันไม่นิยมนิสัย Bad Boy ของ Oasis ไม่ว่าจะเป็นอาการถุยน้ำลายของเลียมบนเวทีงานแจกรางวัล MTV ที่นิวยอร์กในเดือนกันยายน 1996 หรือการขว้างขวดเบียร์ใส่คนดู ซึ่งก็ของเลียมอีกเหมือนกัน นอกจากนี้ 2 พี่น้องยังตกเป็นข่าวซุบซิบตามหน้าหนังสือประจำ โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ โอเอซิส ถอนตัวจากการทัวร์คอนเสิร์ตที่อเมริกาในวันที่ 13 กันยายน 1996 อย่างกะทันหัน ก่อนขึ้นเวทีแค่ 3 ชั่วโมงเมื่อโนลเป็นฝ่ายเดินออกจากคอนเสิร์ตเองบ้าง ทั้งที่มีแฟนเพลงรอดูอยู่กว่า 5,000 คนที่ชาร์ลอต ฮอร์เน็ทส์ เทรนนิง เซ็นเตอร์ อย่างไรก็ตาม ภายในสิ้นปีนั้นเอง Oasis กลายเป็นวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษและของโลก สมกับ ตำแหน่งวงดนตรีร็อกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดและถูกยกให้เป็น เดอะ บีทเทิลส์ ของยุค 90
หลังจากงดทัวร์คอนเสิร์ตในอเมริกาและ โนล ยอมกลับมา เข้าวง ตามเดิม โอเอซิส ก็เริ่มบันทึกเสียงอัลบั้มที่ 3 ที่ใช้เวลานานหลายเดือน 1997 เป็นปีที่ 2 พี่น้องสละโสด เลียมเข้าพิธีกับดาราสาว แพ็ทซี่ เคนสิท ในวันเอพริล ฟูลส์ เดย์ ส่วนโนลตัดสินใจแต่งงานกับเม็ก แม็ทธิวส์ที่ลาส เวกัสอย่างเงียบๆ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน หลังจาก นั้นซิงเกิ้ล D'You Know What I Mean ของ โอเอซิส ก็วางแผงใน เดือนกรกฎาคม ตามมาด้วยอัลบั้ม Be Here Now วันที่ 21 สิงหาคม 1997 ทำยอดขายเฉียด 7แสนแผ่นที่อังกฤษภายในเวลา 3 วัน ทำลายสถิติยอดขายเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ ในช่วงแรกอัลบั้มชุดนี้มาแรงมากเนื่องจากอยู่ท่ามกลางความคาดหวังต่างๆ แต่ในเวลาต่อมาไม่นาน ตัวอัลบั้มก็ตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว สื่อมวลชนอ้างว่าขาดความน่าสนใจและดูไร้ความกระตือรือร้น ถึงแม้ว่าจะมีซิงเกิ้ลฮิตในเวลาต่อๆมาอย่าง Stand by me และ All around the world ก็ตาม ก่อนหน้าที่จะออกอัลบั้มชุดนี้ โนล ให้พอล เวลเลอร์ลองฟัง เขาเป็นคนเดียวที่กล้าบอกโนลตรงๆว่าฟังแล้วไม่เข้าหูเอาซะเลยและเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความตกต่ำของ โอเอซิส ในเวลาต่อมา
The Masterplan อัลบั้มรวมเพลงหน้า B ตามออกมาในเดือนพฤศจิกายนปี 1998 ประกอบไปด้วยเพลงB-Sideเด็ดๆที่ดีกว่าหลายเพลงอัลบั้มต่อมา เช่น The Masterplan , Acquiesce , Half the world away ,Rockin' Chair ฯลฯ ในปีถัดไปสมาชิกดั้งเดิมของ โอเอซิส เหลืออยู่แค่ 2 คนคือ โนล และ เลียม ถ้าไม่นับ Alan White ซึ่งเข้าร่วมวงในยุค Morning Glory
กันยายน 2004 โอเอซิส ได้เปิดตัว Definitely Maybe: The DVD commemorating the10th anniversary ซึ่งเป็นดีวีดีฉลองครบรอบ10ปีของอัลบั้ม Definitely Maybe ต่อมาในเดือน พฤศภาคมปี 2005 นับเป็นปีทอง Oasis ได้วางแผงอัลบั้มที่6ของพวกเขา Don't Believe the Truth ซึ่งนับว่าเป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ (What's The Story) Morning Glory? จนสื่อมวลชนอังกฤษ พากันขนานนามว่า Return to Form ด้วยซาวนด์ดิบๆในรูปแบบแปลกใหม่ ประกอบไปด้วยเพลงซิงเกิ้ลฮิตอย่าง Lyla , The Importance of Being Idle และ Let there be love อันดับ 1และ2 ใน Uk Chart ตามลำดับ หลังจาก นั้น Oasisได้ออกเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตครั้งใหญ่รอบโลก เริ่มต้นในเดือนพฤศภาคม 2005 ที่ลอนดอนและจบลงที่เม็กซิโกเมื่อมีนาคม 2006 รวมเดินทางทั้งหมด26ประเทศทั่วโลกรวมไปถึงประเทศไทยด้วย ตามมาติดๆด้วยการคว้ารางวัล Q Awards 2005 ในสาขา Best New Album และ People's Choice นอกจากนี้ ในช่วงปลายปี 2005 วงยังได้แต่งเพลง Who Put The Weight Of The World On My Shoulders เพื่อเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Goal! อีกด้วย
ปี 2006 มีกระแสข่าวมากมายถึงอัลบั้มรวมฮิต แม้กระทั่งข่าวลือเกี่ยวกับหนังของพวกเขา และได้มีการออกมายืนยันในภายหลัง หนังเรื่อง Lord Don't Slow Me Down ซึ่งเป็นหนังสารคดีกึ่งชีวประวัติของวง เป็นที่จับตามองของแฟนๆทั่งโลก และอัลบั้มรวมฮิต Stop the Clocks ที่เป็นอัลบั้มรวมเพลงที่ดีที่สุดจำนวน 18 เพลง จากผลงานทั้ง 12 ปี จากการคัดเลือกของโนล นับว่าเป็นอัลบั้มที่น่าสะสมเป็นอย่างมาก ปลายปี โนลและเก็มได้ออกมินิทัวร์อคุสติกเพื่อโปรโมตอัลบั้มในหลายๆที่ทั่วโลก ปี 2007 โอเอซิส ขึ้นรับรางวัล Brit Award ในสาขา oustanding contribution to music หรือ วงที่สร้างสรรค์คุนุปการแก่วงการดนตรี พร้อมขึ้นทำการแสดงสดเรียกน้ำย่อย มีข่าวลือเรื่องความบาดหมางระหว่างเลียมกับโนลซึ่งไม่พอใจกับการร้องในคืนงานบริท อย่างไรก็ดีสตูดิโออัลบั้มหน้าจะเป็นตัววัดจุดยืนของวง โอเอซิส อีกครั้งหนึ่งและมีกำหนดการอย่างเร็วที่สุดในสิ้นปี ในขณะที่โนลยังเดินสายเล่นอคุสติกต่อไป
กลางปี โอเอซิส ได้เป็นส่วนหนึ่งของการนำอัลบั้มตำนานของเต่าทองอย่าง Sgt. Pepper's Lonely Hearts Club Band มาคัฟเวอร์เรียบเรียงใหม่ ท่ามกลางข่าวลือเรื่องการแสดงคอนเสิร์ตต่างๆมากมาย ในที่สุด แฟนๆก็ไม่ผิดหวัง เมื่อทางวงประกาศถึงการเข้าทำงานในสตูดิโออัลบั้มใหม่ ซึ่งจะเป็นอัลบั้มที่ 7 และยังประกาศการวางจำหน่ายของ DVD แผ่นคู่ใหม่ล่าสุด ซึ่งจะเป็นการนำสารคดีที่ฉายทั่วโลกเมื่อปีก่อนอย่าง Lord Don't Slow Me Down แบบสมบูรณ์มาจำหน่าย พร้อมด้วยโชว์การแสดงของพวกเขาที่สนาม City of Manchester Stadium เมื่อปี 2005 ซึ่งจะมีกำหนดการวางจำหน่ายในปลายปี สร้างความยินดีปรีดาแก่แฟนๆและสาวกเป็นจำนวนมากที่ต่างรอคอยกันมานาน ทั้งโนลและเลียมได้เปิดเผยว่าพวกเขาได้มีการพบปะพูดคุยกับโปรดิวเซอร์ Dave Sardy ผู้ฝากผลงานไว้กับอัลบั้มชุดก่อนของวงแล้ว การเริ่มงานได้เริ่มขึ้น แต่พวกเราคงต้องรอไปจนถึงช่วงปี 2008 ถึงจะได้ฟังอัลบั้มใหม่กัน
จาก wiki
ผลงาน อัลบั้ม Definitely Maybe (1994) (What's the Story) Morning Glory? (1995) Be Here Now (1997) Standing on the Shoulder of Giants (2000) Heathen Chemistry (2002) Don't Believe the Truth (2005) Dig Out Your Soul (2008) อัลบั้มบันทึกการแสดงสด Familiar to Millions(2000) อัลบั้มรวมเพลง The Masterplan (1998) Stop the Clocks (2006) วีดีโอ Live by the Sea (1995) ...There and Then (1996) Familiar to Millions (2000) Definitely Maybe (2004) Lord Don't Slow Me Down (2007)
อัลบั้มที่ 2 A Rush of Blood to the Head โคลด์เพลย์ได้กลับสตูดิโอเพื่อทำอัลบั้มในช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2544 อัลบั้มออกวางขายเดือน สิงหาคม 2002 อัลบั้มนี้มีเพลงฮิตอย่าง "In My Place", "The Scientist", และ "Clocks" นอกจากนั้นเพลง "Clocks" ยังได้รางวัลแกรมมี่สาขา Record of the Year ไปอีกด้วย หลังทิ้งช่วงจากอัลบั้ม A Rush Of Blood To The Head เป็นเวลา 2 ปีกว่า 6 มิถุนายน พ.ศ. 2548 ก็ได้ออกอัลบั้ม X&Y (เอ็กซ์ แอนด์ วาย) ที่พวกเขาได้ตระเวน ทำการบันทึกเสียงถึง 8 สตูดิโอไม่ว่าจะเป็นที่ชิคาโก, นิวยอร์ก, ลอสแอนเจลิส, ลิเวอร์พูล, และลอนดอน กับซิงเกิ้ลแรก “Speed of Sound” ที่เปิดตัวอันดับ 8 ชาร์ตบิลบอร์ดในอาทิตย์แรก สร้างสถิติเป็นวงจากอังกฤษวงที่สองต่อ จาก เดอะ บีทเทิลส์ ที่สามารถนำซิงเกิ้ลที่ปล่อยไปเพียงอาทิตย์แรกเข้าสู่ Top 10 ของชาร์ตฝั่งอเมริกา
วันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2549 โคลด์เพลย์ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ Front Row ทาง BBC Radio 4 ว่า Brian Eno จะมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้อัลบั้มที่ 4 ของพวกเขา นอกจากนั้นเดือน มีนาคม พ.ศ. 2549 Timbaland ได้บอกกับนิตยสาร GQ Magazine ว่าเขาจะมาร่วมทำอัลบั้มให้กับโคลด์เพลย์ในอัลบั้มหน้าด้วย
จาก http://th.wikipedia.org/wiki/Coldplay
ผลงานสตูดิโออัลบั้ม
Parachutes - (พ.ศ. 2543)
A Rush of Blood to the Head - (พ.ศ. 2545)
X&Y - (พ.ศ. 2548)
Viva la Vida or Death and All His Friends - (พ.ศ. 2551)
ประวัติ ดรีม เธียร์เตอร์เริ่มก่อตั้งวงตั้งแต่ปี 1986 ด้วยสมาชิกหลัก 4 คน คือ John Petrucci (กีตาร์) ,John Myung(เบส) , Mike Portnoy (กลอง) ,Kevin Moore (คีย์บอร์ด) หลังจากทั้ง 4 คนได้พบกันที่ Berklee School of Music จากนั้นในปี 1989 จึงได้ออกอัลบั้มที่มีชื่อว่า When Dream An Day Unite ต่อจากนั้นก็ได้นักร้องนำคนใหม่ James LaBrie ซึ่งมาแทน Chalie Dominichi นักร้องคนเก่าที่ลาออกไป
ในปี 1992 อัลบั้ม Images And Words ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ด้วยเนื้อหาเชิงปรัชญาและฝีมือดนตรีที่เหนือชั้น มีเพลงฮิตอย่าง Pull Me Under ,Another Day , Metropolis Part 1 และ Under A Glass Moon ทำให้กระแสดนตรีแนวโปรเกรสซีพร็อก ตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง
จากนั้นในปี 1994 จึงออกสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 3 ชื่อ Awake กับ ซาวด์ดนตรีที่หนักแน่นขึ้น ซึ่งมือคีย์บอร์ดเควิน มัวร์ได้ลาออกไปขณะบันทึกอัลบั้มชุดนี้ และได้ Derek Sherinian มาแทนในช่วงทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลก และได้อยู่ ร่วมทำอัลบั้มกับวงอีก 2 ชุดคือ A change Of Seasons ในปี 1995 และ Falling Into Infinity ในปี 1997 รวมทั้งอัลบั้มแสดงสดชุด Once In A LIVE time
หลังจากนั้นในปี 1999 อัลบั้มมหากาพย์ Scenes From A Memory ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์อัลบั้มชุดแรกของทางวง ก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง ด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับการระลึกชาติ และถือว่าเป็นภาคต่อของ Metro Polis Part 1 โดยได้มือคีย์บอร์ดคนปัจจุบันคือ Jordan Rudess ผู้ซึ่งได้ร่วมงานกับ John Petrucci และ Mike Portnoy ในอัลบั้ม Side Project บรรเลงในนาม Liquid Tension Experiment และยังเคยร่วมงานกับ Vinnie Moore มือกีต้าร์สายนีโอคลาสสิคชื่อดังอีกด้วย
หลังจากนั้นทางวงก็ยังออกอัลบั้มและทัวร์คอนเสิร์ตอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัลบั้มอย่าง Six Degrees Of Inner Turbulence ในปี 2002 และ Train Of Thought ในปี 2003 ต่อมาในปี 2004 ได้ออก DVD Live at Budokan บันทึกการแสดงสดครั้งประวัติศาสตร์จากประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งมีภาพประวัติศาสตร์ของวง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันบรรจุอยู่ใน DVD ชุดนี้อีกด้วย ทำให้ DVD Live at Budokan มียอดขายถล่มทลายทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย ในปี 2005 ดรีม เธียร์เตอร์ ทำการออกสตูดิโอ อัลบั้มชุดที่ 8 Octavarium เป็นอัลบั้มที่สรุปเรื่องราวทาง ดนตรีของพวกเขาทั้ง 5 สมาชิกในปัจจุบัน
ด้วยซาวด์ที่หลากหลายตั้งแต่เฮฟวีเมทัล อย่างเพลง Panic Attack ,Never Enough จนถึงซาวด์ร่วมสมัยอย่างเพลง I Walk Beside You รวมทั้งเพลงคอนเซ็ปต์อย่าง Octavarium แต่ยังอยู่บนพื้นของโปรเกรสซีพร็อก และยังได้ทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกซึ่งถือเป็นปีที่ 20 ของวงWorld Tour ชื่อทัวร์ว่า "Octavarium World Tour 2005/2006" ซึ่งจะใช้เวลาการทัวร์ถึง 2 ปีเต็มๆ (2005-2006)
Systematic Chaos เป็นสตูดิโออัลบั้มที่ 9 และเป็นอัลบั้มแรกที่ทางวงออกกับค่ายใหม่ คือ Roadrunner Records โดยอัลบั้มนี้ได้ถูกแต่ง และทำการบันทึกเสียง ตั้งแต่เดือน กันยายน 2006 ไปจนถึงเดือน มกราคม 2007 ที่ Avatar Studios ในเมืองนิวยอร์ก ซึ่งโปรดิวเซอร์ของอัลบั้มนี้ก็คือ Mike Portnoy และ John Petrucci โดยมี Paul Northfield เป็น Sound Engineer
จาก http://th.wikipedia.org/wiki/Dream_Theater
ผลงาน สตูดิโออัลบั้มและอีพี When Dream and Day Unite (1989) Images and Words (1992) Awake (1994) A Change of Seasons (1995) Falling into Infinity (1997) Metropolis Pt. 2: Scenes from a Memory (1999) Six Degrees of Inner Turbulence (2002) Train of Thought (2003) Octavarium (2005) Systematic Chaos (2007)
ผลงาน 2526: Kill 'Em All 2527: Ride the Lightning 2529: Master of Puppets 2531: ...And Justice for All 2534: Metallica 2539: Load 2540: ReLoad 2546: St. Anger 2551: Death Magnatic
อัลบั้ม The Dark Side of the Moon ของทางวง ติดอันดับ 1 ใน 200 อันดับแรกของนิตยสารบิลบอร์ดต่อเนื่องนานถึง 741 สัปดาห์ หรือ 15 ปี ระหว่าง ค.ศ. 1973-1988 เป็นสถิติยาวนานที่สุดและสามารถสร้างสถิติในอังกฤษด้วยการอยู่บนชาร์ทได้นาน 301 สัปดาห์ ถึงแม้จะขึ้นสูงสุดที่อันดับ 2
ประวัติ
Pink Floyd วงดนตรีวงนี้ถือกำเนิดขึ้นจากประเทศอังกฤษ ณ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สมาชิกรุ่นดั้งเดิมประกอบด้วย Syd Barrett นักศึกษาคณะศิลปกรรม ซึ่งทำหน้าที่เป็นมือกีตาร์ ร้องนำ และเขียนเพลง Roger Waters นักศึกษาคณะสถาปัตย์ ทำหน้าที่เป็นมือเบส Nick Mason นักศึกษาสถาปัตย์ ทำหน้าที่เป็นมือกลอง และ Rick Wright นักศึกษาสถาปัตย์เช่นกัน ทำหน้าที่มือคีย์บอร์ด
Pink Floyd เป็นวงดนตรีที่มีวิวัฒนาการทางดนตรียาวนานถึง 30 กว่าปี แนวเพลง ซึ่งพัฒนาเรื่อยๆ ทั้ง Psychidelics ,Syphonic Rock , Progressive Rock , Art Rock จงไปถึง Serious Music และผู้นำของวงในแต่ละยุคซึ่งแตกต่างกันไป
ภายหลัง Syd Barrett ได้ออกจากวงไป โดยได้ David Gilmour มาทำหน้าที่เป็นมือกีตาร์แทน Rick Wright ได้ถูกไล่ออกจากวงในช่วง ทำอัลบั้มชุด The Wall และได้กลับเข้าวงใหม่ในช่วงอัลบั้ม A Momentary Lapse Of Reason
และภายหลังทำอัลบั้ม The Final Cut ในปี ค.ศ. 1983 Roger Waters ก็ประกาศลาออกจากวง จึงทำให้วงเหลือสมาชิกเพียงแค่ 3 คน คือ David Gilmour,Nick Mason, Rick Wright
จาก http://th.wikipedia.org/wiki/Pink_Floyd
ผลงาน สตูดิโออัลบั้ม The Piper at the Gates of Dawn (August 5, 1967) A Saucerful of Secrets (June 29, 1968) Music from the Film More (July 27, 1969) Ummagumma (October 25, 1969) Atom Heart Mother (October 10, 1970) Meddle (October 30, 1971) Obscured by Clouds (June 3, 1972) The Dark Side of the Moon (March 24, 1973) Wish You Were Here (September 15, 1975) Animals (January 23, 1977) The Wall (November 30, 1979) The Final Cut (March 23, 1983) A Momentary Lapse of Reason (September 7, 1987) The Division Bell (March 30, 1994)
ไลฟ์ อัลบั้ม 1969 Ummagumma (ครึ่งสตูดิโออัลบั้ม ครึ่งแสดงสด) 1988 Delicate Sound of Thunder 1995 P•U•L•S•E 2000 Is There Anybody Out There? วีดีโอ 1972 Live at Pompeii 1982 The Wall 1989 Delicate Sound of Thunder 1992 La Carrera Panamericana 2003 The Making of The Dark Side of the Moon 2006 P•U•L•S•E DVD
ชุดรวมเพลง 1971 Relics 1973 A Nice Pair 1981 A Collection of Great Dance Songs 1983 Works 68 1992 Shine On 2001 Echoes: The Best of Pink Floyd 2007 Oh, By The Way
ผลงานอัลบั้ม The Red Hot Chili Peppers (1984) Freaky Styley (1985) The Uplift Mofo Party Plan (1987) Mother's Milk (1989) Blood Sugar Sex Magik (1991) One Hot Minute (1995) Californication (1999) By The Way (2002) Stadium Arcadium (2006)
ในปี 2001 Incubus ก็ออกอัลบั้ม “Morning View” ซึ่งเปิดตัวที่อันดับ 2 ในบิลบอร์ด ด้วยซิงเกิ้ลเด่นอย่าง “Wish You Were Here”, “Nice To Know You” และ “Are You In?” ตามด้วยทัวร์คอนเสิร์ตอย่างหนักกว่า 2 ปีเต็ม จน Dirk Lance มือเบสก็ตัดสินใจลาออกจากวง ทำให้ Incubus ดึงเอา Ben Kenney อดีตสมาชิกวง The Roots มาทำหน้าที่มือเบส ร่วมกับสมาชิกดั้งเดิมทั้ง 4 คนที่ประกอบด้วย Brandon Boyd (ร้องนำ), Mike Einziger (กีต้าร์), Jose Pasilla (กลอง) และ DJ Kilmore ในตำแหน่ง Turntables ปี ค.ศ. 2004 อินคูบัส อัลบั้ม “A Crow Left Of The Murder” ที่ได้สุดยอดโปรดิวเซอร์อย่าง Brendan O’Brien (ซึ่งเคยร่วมงานกับวงอย่าง Korn, Rage Against The Machine, Pearl Jam และ The Offspring) มาร่วมงานอีกด้วย ประเดิมด้วยซิงเกิ้ลแรก “Megalomaniac”
อัลบั้มลำดับที่ 6 “Light Grenades” (ไลท์ เกรอเนดส์) โดยในอัลบั้มนี้ทางวงได้กลับมาร่วมงานอีกครั้งกับ Brendan O’Brien (โปรดิวเซอร์ชื่อดังที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของดังๆอย่าง Korn, Pearl Jam และ Rage Against The Machine มาแล้ว) อีกครั้ง เปิดตัวด้วยซิงเกิ้ล “Anna Molly” อัลบั้มนี้ขึ้นชาร์ทอันดับ 1 ในอเมริกา
จาก http://th.wikipedia.org/wiki/Incubus
ผลงานอัลบั้ม
1995: Fungus Amongus 1996: Enjoy Incubus 1997: S.C.I.E.N.C.E. 1999: Make Yourself 2001: Morning View 2004: A Crow Left of the Murder... 2004: Alive at Red Rocks 2006: Light Grenades