Green day - Biography


Green Day เป็นวงร็อคจากอเมริกา เริ่มฟอร์มวงในปี 1989 โดยสมาชิก 3 คนคือ Billie Joe Armstrong (กีตาร์, ร้องนำ), Mike Dirnt (เบส) และ Tré Cool (กลอง)

ประวัติ

บิลลี่และไมค์เจอกันแล้วร่วมกันตั้งวงชื่อ Sweet Children ขึ้นมาตอนอายุสิบขวบ (1982) ก็เล่นกันมาเรื่อยๆ แต่ว่ายังไม่มีมือกลอง ตอนปี 1987 ก็มี John Kriftmeyer (หรือ Al Sobrante) มาเป็นมือกลอง Sweet Children สถานที่ๆ เล่นเป็นทางการครั้งแรกคือ Rod's Hickory Pit ในรัฐแคลิฟอร์เนีย แล้วก็เล่นตามผับ ตามร้านอาหารเรื่อยมา

หลังจากที่เปลี่ยนชื่อเป็นกรีนเดย์แล้ว กรีนเดย์ทำ EP ตัวแรกคือ 1,000 Hours ตอนช่วงชีวิตไฮสคูล ไมค์เรียนจบ บิลลี่ดร็อปการเรียนไว้ อัลบั้มเปิดตัวครั้งแรกในปี 1990 คือ 1039 Smoothed Out Slappy Hours เป็นการนำเอาอีพีที่ทำๆ ไว้มารวมกัน ออกกับค่ายอินดี้อย่าง Lookout! Records หลังจากนั้นมือกลองก็ขอลาออกจากวงไปเรียนต่อ ไมค์และบิลลี่เลยจัดการทาบทามมือกลองของวง The Lookout ! ซึ่งก็คือ Tre cool มือกลองคนปัจจุบัน tre เปิดตัวในฐานะหนึ่งในสมาชิกในอัลบั้มที่สอง คือ Kerpunk

หลังอัลบั้มที่สอง ก็มีการทัวร์เกิดขึ้น Rob Cavallo ค่าย Reprise Records ได้สนใจจากการเห็นการเล่นสด และติดต่อไป กรีนเดย์เลยตัดสินใจเซ็นสัญญาร่วมงานด้วย อัลบั้มที่ออกกะค่ายนี้คือ Dookie เพลงในอัลบั้มนี้เป็นเพลงที่แต่งขึ้นระหว่างการทัวร์ซะส่วนใหญ่ หลังจากที่ Dookie ออกวางจำหน่าย กรีนเดย์กลายเป็นที่รู้จักกันในนามวงร็อคมากด้วยพลังและสติไม่เต็ม มียอดขายได้มากกว่าสิบล้านแผ่น (เฉพาะในอเมริกา) กรีนเดย์ชนะรางวัลแกรมมี่ในปี 1994 สาขา Best Alternative Music Performance

อัลบั้มที่ตามมาก็คือ Insomniac กับ Nimrod เพลงที่ประสบความสำเร็จคือเพลง Good Riddance (Time of Your Life) สมาชิกแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปมีครอบครัว กรีนเดย์ตัดสินใจพักงานเพลงสองปี ในปี 2000 กรีนเดย์โจมตีวงการเพลงอีกครั้งด้วยอัลบั้ม Warning และด้วยเสียงเพลงที่ต่างจากอัลบั้มอื่นๆ เลยทำให้ไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับจากนักวิจารณ์และแฟนเพลงมากนัก เพลงที่โดนโจมตีมากที่สุดก็คือ Minority

หลังสี่ปีที่ไม่มีอัลบั้มใหม่ออกมา จะมีก็แค่ทัวร์เล็กๆ น้อยๆ กรีนเดย์ปล่อยซิงเกิ้ล American Idiot ที่โจมตีรัฐบาล ในเดือนกันยายน 2004 อัลบั้ม American Idiot ขึ้นที่หนึ่งของบิลบอร์ดชาร์ตและก็ชาร์ตต่างๆ มากมายอีกทั่วโลก กรีนเดย์ถูกเสนอชื่อเข้าชิง เจ็ดสาขาของแกรมมี่อวอร์ต และที่ได้รับรางวัลคือ คือ Best Rock Album และ Record of the Year จากเพลง "Boulevard of Broken Dreams"

ผลงานอัลบั้ม

1990 - 39/Smooth
1992 - Kerplunk
1994 - Dookie
1995 - Insomniac
1997 - Nimrod
2000 - Warning
2004 - American Idiot

จาก wikipedia






Red Hot Chili Peppers live @ Rock Werchter 2006



Foo Fighters Everywhere But Home Tour




AC/DC - No Bull Live in Madrid




รายชื่อเพลง

1. Back In Black
2. Shot Down In Flames
3. Thunderstruck
4. Girl’s Got Rhythm
5. Hard As A Rock
6. Shoot To Thrill
7. Boogie Man
8. Hail Caesar
9. Hells Bells
10. Dog Eat Dog
11. The Jack
12. Ballbreaker
13. Rock And Roll Ain’t Noise Pollution
14. Dirty Deeds Done Dirt Cheap
15. You Shook Me All Night Long
16. Whole Lotta Rosie
17. T.N.T.
18. Let There Be Rock
19. Highway To Hell
20.For Those About To Rock (We Salute You)


The Killers - Biography



The Killers เป็นวงร็อกอเมริกัน จากลาสเวกัส เนวาดา ก่อตั้งวงในปี 2002 ประกอบด้วยสมาชิก Brandon Flowers (ร้องนำ/คีย์บอร์ด) Mark Stoermer (มือเบส) Ronnie Vannucci (มือกลอง) David Keuning (กีตาร์)

พวกเขามีผลงานอัลบั้มแรกในปี 2004 ที่ชื่อว่า Hot Fuss มีเพลงดังอย่าง “Somebody Told Me” “Mr. Brightside” “Smile Like You Mean It” และได้ชิงรางวัลแกรมมี่จากเพลง “All These Things That I’ve Done” หลังจากนั้นปี 2006 กับผลงานชุดที่ 2 Sam’s Town มีเพลงอย่าง “When You Were” "Bones" “Read My Mind” และ "For Reasons Unknown" ซึ่งเข้าชิงรางวัลมากมายรวมทั้งรางวัลแกรมมี่ หลังจากนั้นออกอัลบั้มรวมที่ชื่อ Sawdust ที่เป็นเพลงหน้าบีและเพลงหายาก เขายังคว้ารางวัล Best Band of the Year และเพลง "Tranquilize" จากอัลบั้มนี้ก็ได้รางวัล Best Track of the Year จากเวที NME Awards นิตยสารเพลงชื่อดังของอังกฤษ[1] นอกจากนี้พวกเขายังออกซิงเกิ้ลการกุศลเพื่อผู้ติดเชื้อเอดส์ "A Great Big Sled" ในช่วงคริสต์มาสปี 2006 และ "Don't Shoot Me Santa" ในปี 2007

อัลบั้มชุดที่ 4 Day & Age จะวางแผงวันที่ 24 พฤศจิกายน ปี 2008 มีซิงเกิลแรกคือ “Human”

จาก wikipedia







Wallpaper

The Killers wallpaper1

The Killers wallpaper2

The Killers wallpaper3

Panic! At The Disco - Live Concert












Kings of Leon - Biography



Kings of Leon เป็นวงร็อกจากเทนเนซซี สหรัฐอเมริกา ที่ประกอบด้วยสมาชิกสามพี่น้องและลูกพี่ลูกน้อง ชื่อวงมาจากปู่ของพวกเขา ที่ชื่อ "ลีออน" วงประกอบไปด้วย Caleb, Matthew, Jared และ Nathan Followill ส่วนแนวดนตรีของเป็นส่วนผสมของเซาเทิร์นร็อก การาจร็อก ฮาร์ดร็อก และบลูส์

พวกเขาออกผลงานครั้งแรกคืออีพีชุด The Holy Roller Novocaine ในปี 2003 ซึ่ง 4 เพลงจาก 5 ต่อมาอยู่ในอัลบั้มชุดแรก Youth and Young Manhood และมีเพลง "California Waiting" และ "Wasted Time" นำมาทำใหม่ ต่อมาออกผลงานอัลบั้มที่ 2 ชุด Aha Shake Heartbreak ในสหราชอาณาจักรเมื่อเดือนตุลาคม 2004 ส่วนในสหรัฐอเมริกาเมื่อกุมภาพันธ์ 2005

อัลบั้มที่ 3 Because of the Times เปิดตัวที่อันดับหนึ่งในสหราชอาณาจักร และ ไอร์แลนด์ ติดอันดับ 25 ในสหรัฐอเมริกา ผลงานอัลบั้มชุดที่ 4 Only By The Night อัลบั้มชุดนี้อัดที่สตูดิโอที่มีชื่อเสียง ในสตูดิโอ Blackbird ที่เมือง Nashville, Tennessee และได้ร่วมงานกับ โปรดิวเซอร์ชั้นนำอย่าง Angelo Petraglia และ Jacquire มีซิงเกิ้ลอันดับ 1 ในสหราชอาณาจักรอย่างเพลง “Sex On Fire”

ผลงานอัลบั้ม
Youth and Young Manhood (2003)
Aha Shake Heartbreak (2004)
Because of the Times (2007)
Only by the Night (2008)

จาก wikipedia







Wallpaper

Kings of Leon wallpaper 1

Children of Bodom - Live at Tuska 2003



System of A Down - Live at rock am ring 2002








The Bullet For My Valentine Live at Graspop



Metallica Live at ROCK AM RING


รายชื่อเพลง

01. Creeping Death
02. Fuel
03. Wherever I May Roam
04. For Whom The Bell Tolls
05. Fade To Black
06. Battery
07. Master Of Puppets
08. The Thing That Should Not Be
09. Welcome Home (Sanitarium)
10. Disposable Heroes
11. Leper Messiah
12. Orion
13. Damage, Inc.
14. Sad But True
15. Nothing Else Matters
16. One
17. Enter Sandman
18. Last Caress
19. Seek & Destroy

Avenged Sevenfold Live In the LBC



รายชื่อเพลง

01. Critical Acclaim
02. Second Heartbeat
03. Afterlife
04. Beast and Harlot
05. Scream
06. Seize the Day
07. Walk
08. Bat Country
09. Almost Easy
10. Gunslinger
11. Unholy Confessions
12. A Little Piece of Heaven













Radiohead at Glastonbury 2003


ความยาว : 1 ชั่วโมง 28 นาที

รายชื่อเพลง

1. There There
2. 2+2=5
3. Lucky
4. The National Anthem
5. Talk Show Host
6. Where I End And You Begin
7. Climbing Up The Walls
8. The Gloaming
9. No Surprises
10. Fake Plastic Trees
11. Sit Down, Stand Up
12. Go To Sleep
13. Sail To The Moon
14. Paranoid Android
15. Idioteque
16. Everything In It's Right Place

Rage Against The Machine - Live at Grand Olympic Auditorium


รายชื่อเพลง


1. Bulls On Parade
2. Bullet In The Head
3. Born Of A Broken Man
4. Killing In The Name
5. Calm Like A Bomb
6. Testify
7. Bombtrack
8. War Within A Breath
9. I'm Housin'
10. Sleep Now In The Fire
11. People Of The Sun
12. Guerrilla Radio
13. Kick Out The Jams
14. Know Your Enemy
15. No Shelter
16. Freedom


Guns N' Roses - Biography


Guns N' Roses เป็นวงร็อกอเมริกัน ก่อตั้งวงในลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนียในปี ค.ศ. 1985 นำโดยหัวหน้าวงและผู้ร่วมก่อตั้งวง เอ็กเซล โรส จากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกในวงและมีข้อขัดแย้งต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งวง โดยมีผลงานสตูดิโออัลบั้ม 5 ชุด 2 อีพี และหนึ่งอัลบั้มการแสดงสด หลังจากนั้นอีกร่วมทศวรรษ ทางวงออกผลงานที่ยาวนานต่อการรอคอยชุด Chinese Democracy ในวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 2008 และถือเป็นอัลบั้มการอัดเสียงดั้งเดิมหลังจากปี 1991 กับผลงานชุด Use Your Illusion I และ Use Your Illusion II

กันส์แอนด์โรสเซส มียอดขายทั่วโลกประมาณ 90 ล้านชุด รวมถึง 39 ล้านชุดในสหรัฐอเมริกา ผลงานอัลบั้มชุดแรกที่ชื่อชุด Appetite for Destruction มียอดขาย 27 ล้านชุดทั่วโลก และสามารถขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ทอัลบั้มของบิลบอร์ด 200 นอกจากนั้นยังมีซิงเกิ้ลท็อป 10 ถึง 3 เพลงจากชุดนี้คือเพลง "Sweet Child o' Mine" ที่ขึ้นถึงอันดับ 1 ส่วนอัลบั้มในปี 1991 ชุด Use Your Illusion I และ Use Your Illusion II เข้าอันดับสัปดาห์แรกที่อันดับ 1 และ 2 บนชาร์ทบิลบอร์ด 200 และมียอดขาย 14 ล้านชุดเฉพาะในสหรัฐอเมริกา

ผลงาน
1987: Appetite for Destruction
1988: G N' R Lies
1991: Use Your Illusion I
1991: Use Your Illusion II
1993: "The Spaghetti Incident?"
2008: Chinese Democracy

จาก wikipedia







Wallpaper

Guns N Roses wallpaper 1

Guns N Roses wallpaper 2

Guns N Roses wallpaper 3

Black Sabbath - Biography


Black Sabbath เป็นวงดนตรีเฮฟวีเมทัลจากเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 โดยมีสมาชิกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเป็นจำนวนมากถึง 22 คน แต่มีสมาชิกหลักจำนวน 4 คน คือ ออซซี ออสบอร์น โทนี อิออมมี กีเซอร์ บัทเลอร์ และบิล วอร์ด ซึ่งเป็นสมาชิกตั้งแต่ก่อตั้งวง และยังเป็นสมาชิกที่รวมกลุ่มแสดงอยู่ในปัจจุบัน

แบล็ค ซับบาธ ได้รับการยอมรับว่าเป็นวงดนตรีวงแรกๆ ในแนวเฮฟวีเมทัล โดยเน้นเสียงกีตาร์ที่มีโทนเสียงโหยหวน และเนื้อร้องที่มีความหมายแนวสยองขวัญเป็นเอกลักษณ์ ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ขายอัลบั้มได้มากกว่า 15 ล้านแผ่น เฉพาะในสหรัฐอเมริกา
ผลงานเพลงของแบล็ค ซับบาธ ที่มีชื่อเสียงที่สุด คือเพลง "Paranoid" จากอัลบั้มที่สอง ในปี พ.ศ. 2513

จาก wikipedia







Wallpaper

Black sabbath wallpaper 1

Black sabbath wallpaper 2

Black sabbath wallpaper 3

Otep - Biography


Otep คือวงดนตรีนูเมทัลจากลอสแอนเจลิส ก่อตั้งวงในปี 2000 ประกอบด้วยสมาชิกคือ Shamaya (ร้องนำ), Karma Cheema (กีตาร์), "Evil" J. (เบส), Brian Wolff (กลอง) ชื่อวงยังเป็นชื่อของนักร้องนำด้วย อัลบัมแรกที่ออกในปี 2002 ชื่อ Sevas Tra มันทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาดังที่สำคัญโชว์ของพวกเขาก็ไม่ธรรมดา เรียกว่าขึ้นชื่อเรื่องความบ้าระห่ำเหมือนกัน
พวกเขาเคยขึ้นเวที Stage 3 ในเทศกาล Ozzfest 2001 มาแล้ว ก่อนที่พวกเขาจะเซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด Capital
ปี 2009 พวกเขาได้เซ็นสัญญากับค่าย VICTORY Records

EP
Jihad (2001)
Wurd Becomes Flesh (2005)

อัลบั้มเต็ม
Sevas Tra (2002)
House of Secrets (2004)
The Ascension (2007)
Smash The Control Machine (2009)

จาก wikipedia







My Chemical Romance - Biography


My Chemical Romance เป็นวง ร็อกอเมริกันจาก นิวเจอร์ซีที่ก่อตั้งวงในปี ค.ศ. 2001 ประกอบด้วย เจอราร์ด เวย์ (Gerard Way) นักร้องนำ, แฟรงค์ ไอเอโร (Frank Iero) มือกีตาร์, เรย์ โตโร (Ray Toro) มือกีตาร์, บ็อบ ไบรเออร์ (Bob Bryar) มือกลอง และ ไมค์กี้ เวย์ (Mikey Way) มือเบส ซึ่งขณะนี้ได้ออกจากวงชั่วคราว เพื่อไปฮันนีมูนกับภรรยา (อลิเชีย ซิมมอนส์)

ประวัติ
ในช่วงสัปดาห์วันเกิดเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน เจอราร์ด เวย์ ซึ่งเดิมทีทำงานอยู่ในนิวยอร์ก ในอาชีพเกี่ยวกับการออกแบบการ์ตูนทางด้านศิลปะ และสถานที่ทำงานของเขาก็อยู่ไม่ห่างจากตึกเวิร์ดเทรดเซ็นเตอร์เท่าไรนัก เขาได้เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ตอนที่เครื่องบินชนตึก และภาพอันน่าสยดสยองต่างๆมากมายที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขา ความน่าสะพรึงกลัวและเศร้าสลดต่อเหตุการณ์ในครั้งนั้น ก็ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจอันสำคัญในการเริ่มต้นเขียนเพลง "Skylines and Turnstiles" เพื่อแสดงความรู้สึกกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น และเริ่มก่อตั้งวงโดยชวนเพื่อนในสมัยเรียน แมต เพลิสเซียร์ มาเป็นมือกลอง พวกเขาก่อตั้งวงในปี 2000 เริ่มต้นด้วยการแต่งเพลงร่วมกันในช่วงที่เรียนอยู่ที่ไฮสคูล ก่อนที่จะได้มือกีตาร์ เรย์ โตโร มาร่วมงานกับพวกเขาแล้วไม่นานทั้งสามก็ได้สมาชิกครบ 5 คน แต่ทางวงนั้นยังขาดมือเบส เมื่อไมค์กี้ เวย์ น้องชายคนเดียวของเจอราร์ดรู้ว่าพี่ชายอยากก่อตั้งวง แต่ยังขาดแคลนมือเบสอยู่ เขาจึงอาสามารับหน้าที่นี้เอง ถึงแม้ว่าเดิมทีแล้วเขาจะไม่เคยเล่นเบสเลย เขาเสียสละเวลาและพยายามอย่างหนักในการฝึกซ้อมเบสทุกวัน จนในที่สุดก็ได้มาเป็น มือเบสประจำวง และคนสุดท้าย แฟรงค์ ไอเอโร ก็ตามมาเล่นกีตาร์ ชื่อวง มาย เคมิคอล โรแมนซ์ (My Chemical Romance) นั้นนำมาจากหนังสือเรื่อง "Ecstasy: Three tales of chemical romance" ซึ่งประพันธ์โดยนักเขียนชาวสก็อตต์ เออร์วิน เวลช์ (Irvine Welsh) โดยไมค์กี้เป็นผู้เสนอชื่อนี้ขึ้นมา และทุกคนก็มีมติยอมรับชื่อนี้ใช้เป็นชื่อวง หลังจากรวมตัวกันครบพวกเขาก็ได้เริ่มออกทัวร์แถบตะวันออกเฉียงเหนือของ คอร์ริดอร์ (Corridor)

เพลงแรกที่ได้บันทึกเสียงในอัลบั้มชุดแรกคือ "Our Lady of Sorrows" มาย เคมิคอล โรแมนซ์ได้เซ็นสัญญากับค่าย อายบอลล์ เรคคอร์ดส์ (Eyeball Records) พร้อมกับเริ่มทำอัลบั้มชุดแรกของวง I Brought You My Bullets, You Brought Me Your Love ออกวางขายในปี 2002 โดยได้ เจออฟฟ์ ริคลีย์ (Geoff Rickly) นักร้องนำวง เติร์สเดย์ (Thursday) มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้

ต่อมาทางวงในเซ็นสัญญากับค่ายรีไพรส์ เรคคอร์ดส์ (Reprise Records) สังกัดวอร์เนอร์ มิวสิก (Warner Music) ออกอัลบั้มที่ 2 ชื่อ Three Cheers for Sweet Revenge ออกวางขายในปี 2004 มีเพลงดังในอัลบั้มอย่าง "I'm Not Okay (I Promise) ", "Helena" และ "The Ghost of You"

ในอัลบั้มชุดที่ 3 “The Black Parade” ชุดนี้มาย เคมิคอล โรแมนซ์ ร่วมงานกับร่วมกับ ร็อบ คาวัลโญ่ (Rob Cavallo) โปรดิวเซอร์ที่เคยทำงานร่วมกับกรีนเดย์ และอลานิส มอริสเส็ทท์ โดยมี “Welcome To The Black Parade” เป็นซิงเกิ้ลแรกที่ขึ้นอันดับ 1 ในอังกฤษ ส่วนในอันดับอัลบั้มในอเมริกาเปิดตัวที่อันดับ 2

มาย เคมิคอล โรแมนซ์ ยังได้โชว์ในงาน Red Carpet On The Rock ซึ่งเป็นงาน Pre-Event ของ “เอ็มทีวี วีดีโอ มิวสิก อวอร์ดส” เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2006

อัลบั้ม

I Brought You My Bullets, You Brought Me Your Love 2002

I Brought You My Bullets, You Brought Me Your Love 2004

Life on the Murder Scene 2006

The Black Parade 2006

จาก wikipadia







Wallpaper

My Chemical Romance wallpaper 1

My Chemical Romance wallpaper 2

My Chemical Romance wallpaper 3

Pearl Jam - Biography


Pearl Jam เป็นวงดนตรีร็อกสัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งวงในซีแอตเติล วอชิงตัน ในปี 1990 ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งวง สมาชิกในวงมี เอดดี เวดเดอร์ (ร้องนำ กีตาร์), เจฟฟ์ อเมนต์ (กีตาร์เบส), สโตน กอสซาร์ด (กีตาร์ริทึ่ม), และไมค์ แม็กครีดี (กีตาร์ลีด) ส่วนมือกลองล่าสุดคือ แม็ตต์ คาเมรอน อดีตสมาชิกวงซาวด์การ์เดนที่มาร่วมวงตั้งแต่ปี 1998

อเมนต์และกอสซาร์ดได้รวมตัวกันตั้งแต่วงก่อนคือ มาเธอร์เลิฟโบน โดยวงเพิร์ลแจมก้าวสู่กระแสหลักกับผลงานเปิดตัวอัลบั้มแรก Ten ถือเป็นผู้นำแถวหน้าของแนวดนตรีกรันจ์ในช่วงยุค 1990 พวกเขายังได้รับการกล่าวถึงจากหัวหน้าวงเนอร์วาน่า เคิร์ต โคเบน —ว่าเป็นผู้ร่วมกำเนิดก่อเกิดของเพลงอัลเทอร์เนทีฟร็อก อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาการทำงานของวงได้ปฏิเสธหลักการดั้งเดิมของอุตสาหกรรมดนตรี รวมไปถึงปฏิเสธการทำมิวสิกวิดีโอและการว่าจ้างในงานสาธารณะใหญ่ ๆ จำพวกที่ขายผ่านทิกเก็ตมาสเตอร์ ในปี 2006 โรลลิงสโตนอธิบายเกี่ยวกับวงว่า "พวกเขาใช้เวลานับสิบปีเพื่อฉีกชื่อเสียงพวกเขาออกไป"

ตั้งแต่ตั้งวง พวกเขามียอดขาย 30 ล้านชุดในสหรัฐอเมริกาและยอดขายประมาณ 60 ล้านชุดทั่วโลก เพิร์ลแจมทำผลงานอัลเทอร์เนทีฟร็อกยืนยาวตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 ได้รับการยอมรับว่าเป็นวงที่มีอิทธิพลมากที่สุดในทศวรรษ ออลมิวสิกเรียกพวกเขาว่า "เป็นวงร็อกแอนด์โรลอเมริกันที่โด่งดังที่สุดในทศวรรษ 1990"

สตูดิโออัลบั้ม
Ten (1991)
Vs. (1993)
Vitalogy (1994)
No Code (1996)
Yield (1998)
Binaural (2000)
Riot Act (2002)
Pearl Jam (2006)
จาก wikipedia








Wallpaper

Pearl jam wallpaper 1

Pearl jam wallpaper 2

Pearl jam wallpaper 3

Oasis - Biography



Oasis วงดนตรีร็อกจาก แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ นำโดย 2 พี่น้อง ตระกูล กัลลาเกอร์ ที่ชื่อ โนล มือกีตาร์และนักแต่งเพลงและน้องชาย เลียม เป็นนักร้องนำ ทั้งคู่มาจากเบอร์นิจเมืองชนบทของแมนเชสเตอร์ ปัจจุบันแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของสมาชิกไปบ้าง แต่ โอเอซิส ก็ยังคงยืนหยัดทำผลงานเพลงต่อไป โดยปัจจุบันพวกขายทำยอดขายรวมอัลบั้ม ซิงเกิ้ล บ๊อกเซตต่างๆทั่วโลกไปได้แล้วกว่า 50 ล้านแผ่น และมีซิงเกิ้ลที่ขึ้นอันดับหนึ่งในอังกฤษได้มากถึง 8 เพลง


ยุคแรกเริ่ม
แรกเริ่มเดิมทีเพื่อน ๆ ของเลียมที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน คือ พอล "โบนเฮด" อาร์เธอร์ส (มือกีตาร์) , พอล แม็คเกวียน (มือเบส) , และโทนี่ แม็คแครอล (มือกลอง) ตั้งวงดนตรีอยู่แล้วชื่อ Rain เลียม เข้าวงมาทีหลังเมื่อปี 1990 ในฐานะนักร้องนำ พอเข้าวง เลียมก็แนะให้เปลี่ยนชื่อวงเป็น โอเอซิส ตามชื่อเวนิว Oasis Leisure Centre ในเมืองสวินดอน จากในโปสเตอร์โฆษณาคอนเสิร์ตของวง Inspiral Carpets ที่ติดอยู่ในห้องนอนเขา จนกระทั่งวันหนึ่ง โนล กลับมาบ้านในแมนเชสเตอร์ หลังจากไปทำงานอยู่กับวง Inspiral Carpets อยู่หลายปีในฐานะกีตาร์ เทคนิเชี่ยน เลียมก็ชวนเขามาเป็นผู้จัดการวง จนกระทั่งวง Inspiral Carpets ปลดทีมงานออกหมด ตอนปี 1991 เขาจึงชวนมาเป็นมือกีตาร์ให้ ไม่ใช่ผู้จัดการ

โอเอซิส ขึ้นเวทีครั้งแรกที่บอร์ดวอล์คในแมนเชสเตอร์ เดือนตุลาคมปี 1991 แรกๆโนลไม่ได้จริงจังกับทางวงเท่าไร จนมีวันหนึ่งต้องไปหาหมอ ซึ่งหมอสั่งให้เลิก สูบกัญชา พอเลิกสูบสมองโล่ง จึงได้มีความคิดในการแต่งเพลง ออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Columbia , Rock 'N Roll Stars , Whatever ฯลฯ
31 พฤษภาคม 1993 โนล ได้ข่าวว่า อลัน แม็คกี ที่ตอนนั้นเป็น ประธานบริษัทแผ่นเสียง Creation Records จะไปดู คอนเสิร์ตที่ คิง ทุตส์ ไนท์คลับในกลาสโกว์ในคืนนั้น เขาพา โอเอซิส กับลูกทีมรวม 17 คน ขึ้นเวทีที่นั่นโดยที่ไม่มีการจองคิวล่วงหน้า กับโปรโมเตอร์ ซึ่งโปรโมเตอร์ที่มีบอดี้การ์ดอยู่แค่ 2 คนเลยจำใจยอมให้ โอเอซิสขึ้นเวทีครึ่งชั่วโมง อลัน ประทับใจในการเล่นครั้งนี้ จึงให้โอเอซิส มาเซ็นสัญญา ทันทีด้วยสนนราคา 60,000 ปอนด์
ยุคโด่งดังไปทั่วโลก
11 เมษายน 1994 Oasis มีซิงเกิ้ลแรก Supersonic ที่ออกมาดีสมราคาคุย เป็นที่ชื่นชอบของนักวิจารณ์ทันที ถึง 2 พี่น้องกัลเลเกอร์จะชอบให้สัมภาษณ์ในลักษณะขี้คุยก็ตาม แต่ดูเหมือนว่ายิ่งพวกเขาพูดทับถมศิลปินรายอื่นมากเท่าไหน โอเอซิส ก็ยิ่งเป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่รู้จักมากขึ้นเท่านั้น ในขณะที่ซิงเกิ้ลที่2 อย่างเพลง Shakermaker ก็ประสบความสำเร็จอย่างดี ซิงเกิ้ลที่ 3 Live Forever ออกตามมายก่อนอัลบั้มแรกวางแผง 1 เดือน เป็นเพลงฮิต ในอังกฤษได้อีกเหมือนเดิม เมื่อ Definitely Maybe อัลบั้มแรกของพวกเขาออกขายเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม1994 ก็เข้าอันดับ 1 ทันทีและกลายเป็นอัลบั้มแรกของศิลปินหน้าใหม่ที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเพลงของอังกฤษ ค้างคาอยู่ใน Top 20 ถึง 18 เดือน เขย่าวงการเพลงร็อกอังกฤษอย่างที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน ซิงเกิ้ลเดี่ยว Whatever ที่ไม่ได้นำมารวมในอัลบั้มชุดไหนเลย ของพวกเขาขึ้นถึงอันดับ 3 ในอังกฤษช่วงคริสต์มาสปี 1994 เป็นการส่งท้ายปีไปอย่างสวยงาม ในปีนั้นเองก็ได้เกิดปรากฏการณ์ของความคลั่ง ไคล้ Oasis กันขนานใหญ่ที่อังกฤษอย่างที่ไม่เคยมีวงไหนทำได้มาก่อน

ปี 1995 เริ่มต้นปีด้วยความสำเร็จ โอเอซิส ได้รับรางวัล Best Band, Best New Band และ Best Single (จากเพลง "Live Forever") จาก NME Brat Awards ตามมาด้วยการคว้ารางวัลสำคัญ Best Newcomer จาก BRIT Award ในเดือนต่อมา พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจากการทัวร์คอนเสิร์ต บัตรถูกขายหมดเกลี้ยงในทุกโชว์ในอังกฤษ วงจึงได้หันไปเน้นโปรโมชันในตลาดอเมริกา และกลายเป็นขวัญใจ MTV และสถานีวิทยุโมเดิร์นร็อกของอเมริกา มีเพลงฮิตอย่าง Live Forever กับ Supersonic ในที่สุดอัลบั้มDefinitely Maybe ก็ได้แผ่นเสียงทองคำในสหรัฐ โอเอซิส ประสบความสำเร็จขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับความสัมพันธ์ ของสมาชิกในวง โดยเฉพาะ 2 พี่น้อง โนล ไม่พอใจที่ เลียม สปอยล์มากชอบเดินออกจากเวทีคอนเสิร์ตไปเฉย ๆ ถ้าเกิดไม่สบอารมณ์ขึ้นมา มีครั้งหนึ่งหลังจากที่โนลเพิ่งแต่งเพลง Don't Look Back In Anger กับ Wonderwall เสร็จใหม่ๆ โนลบอกว่าเลียมมีสิทธิร้องแค่เพลงเดียว อีกเพลงเขาจะร้องเอง เลียมฟังแล้วหงุดหงิดอารมณ์เสียมากถึงกับทำลายข้าวของ

14 เมษายน 1995 ก่อนหน้าซิงเกิ้ล Some Might Say ออกขาย 1 วัน โทนี่ แม็คแครอล มือกลองก็ถูกไล่ออกจากวง หลังจากแตกคอกับ เลียม ในบาร์ที่ปารีส อลัน ไวท์เข้ามาแทนที่ในวันที่ 4 พฤษภาคม 1995 เพลง Some Might Say กลายเป็นซิงเกิ้ลอันดับ 1 ในอังกฤษเพลงแรกของ โอเอซิส ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่วางขาย ความสำเร็จของเพลงนี้สร้างปรากฏการณ์ทำให้ทุกซิงเกิ้ลก่อนหน้านี้ย้อนกลับเข้าอันดับในชาร์ทเพลงอินดี้ของอังกฤษอีกครั้ง เดือนตุลาคมปีเดียวกัน Oasis ออกอัลบั้มที่ 2 ชื่อ (What's The Story) Morning Glory? หลังจากใช้เวลาบันทึกเสียงแค่12วันเท่านั้น!! ขึ้นถึงอันดับ 1 ทันทีที่ออกจำหน่ายในอังกฤษและกลายเป็นอัลบั้มที่ขายได้เร็วที่สุด ในอังกฤษ นับตั้งแต่อัลบั้ม Bad ของ ไมเคิล แจ็คสัน เคยทำไว้ในปี 1987 ว่ากันว่าในช่วง สัปดาห์แรกที่ออกขาย จะมีคนซื้ออัลบั้มชุดนี้ 1 คนทุก ๆ 30 วินาที!!

ปี 1996 โอเอซิส ประสบความสำเร็จอย่างสูง อัลบั้ม (What's The Story) Morning Glory? ของพวกเขาขายได้ถึง 20 ล้านแผ่น มีผลงาน Top 10 ทั้งในยุโรปและเอเชีย ในเดือนสิงหาคม 5% ของคนทั้งเกาะอังกฤษ (250,000 คน) เข้าคิวยาวควัก กระเป๋าซื้อบัตรคอนเสิร์ตราคา 22 ปอนด์ครึ่ง เพื่อมาดู โอเอซิส ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตกลางแจ้ง 2 รอบที่ Knebworth ทำสถิติเป็นคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ ว่ากันว่ามี ผู้ต้องการจับจองตั๋วมากกว่า 2 ล้านคน!! นอกจากนี้วงยังได้รับการเสนอชื่อรางวัล BRIT Award ถึง 6 รางวัล และกวาดไปได้ 3 รางวัล นั่นคือ Best Band, Best Album (จากอัลบั้ม What's the Story) Morning Glory) และ Best Video (จากเพลง Wonderwall) เดือนเมษายนปีนั้น Oasis ได้ขึ้นปกนิตยสารดังอย่าง Rolling Stone ของอเมริกา ซึ่งเป็นการบอกให้โลกได้รับรู้ว่าพวกเขามาแล้ว แต่ Oasis ก็ไม่สามารถแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวในอเมริกา ทั้งที่สามารถคว้ารางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวถึง 5 แผ่น ซิงเกิ้ล Wonderwall ก็ขึ้นไปถึง Top 10 อาจเป็นเพราะคนอเมริกันไม่นิยมนิสัย Bad Boy ของ Oasis ไม่ว่าจะเป็นอาการถุยน้ำลายของเลียมบนเวทีงานแจกรางวัล MTV ที่นิวยอร์กในเดือนกันยายน 1996 หรือการขว้างขวดเบียร์ใส่คนดู ซึ่งก็ของเลียมอีกเหมือนกัน นอกจากนี้ 2 พี่น้องยังตกเป็นข่าวซุบซิบตามหน้าหนังสือประจำ โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ โอเอซิส ถอนตัวจากการทัวร์คอนเสิร์ตที่อเมริกาในวันที่ 13 กันยายน 1996 อย่างกะทันหัน ก่อนขึ้นเวทีแค่ 3 ชั่วโมงเมื่อโนลเป็นฝ่ายเดินออกจากคอนเสิร์ตเองบ้าง ทั้งที่มีแฟนเพลงรอดูอยู่กว่า 5,000 คนที่ชาร์ลอต ฮอร์เน็ทส์ เทรนนิง เซ็นเตอร์ อย่างไรก็ตาม ภายในสิ้นปีนั้นเอง Oasis กลายเป็นวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษและของโลก สมกับ ตำแหน่งวงดนตรีร็อกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดและถูกยกให้เป็น เดอะ บีทเทิลส์ ของยุค 90

หลังจากงดทัวร์คอนเสิร์ตในอเมริกาและ โนล ยอมกลับมา เข้าวง ตามเดิม โอเอซิส ก็เริ่มบันทึกเสียงอัลบั้มที่ 3 ที่ใช้เวลานานหลายเดือน 1997 เป็นปีที่ 2 พี่น้องสละโสด เลียมเข้าพิธีกับดาราสาว แพ็ทซี่ เคนสิท ในวันเอพริล ฟูลส์ เดย์ ส่วนโนลตัดสินใจแต่งงานกับเม็ก แม็ทธิวส์ที่ลาส เวกัสอย่างเงียบๆ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน หลังจาก นั้นซิงเกิ้ล D'You Know What I Mean ของ โอเอซิส ก็วางแผงใน เดือนกรกฎาคม ตามมาด้วยอัลบั้ม Be Here Now วันที่ 21 สิงหาคม 1997 ทำยอดขายเฉียด 7แสนแผ่นที่อังกฤษภายในเวลา 3 วัน ทำลายสถิติยอดขายเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ ในช่วงแรกอัลบั้มชุดนี้มาแรงมากเนื่องจากอยู่ท่ามกลางความคาดหวังต่างๆ แต่ในเวลาต่อมาไม่นาน ตัวอัลบั้มก็ตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว สื่อมวลชนอ้างว่าขาดความน่าสนใจและดูไร้ความกระตือรือร้น ถึงแม้ว่าจะมีซิงเกิ้ลฮิตในเวลาต่อๆมาอย่าง Stand by me และ All around the world ก็ตาม ก่อนหน้าที่จะออกอัลบั้มชุดนี้ โนล ให้พอล เวลเลอร์ลองฟัง เขาเป็นคนเดียวที่กล้าบอกโนลตรงๆว่าฟังแล้วไม่เข้าหูเอาซะเลยและเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความตกต่ำของ โอเอซิส ในเวลาต่อมา

The Masterplan อัลบั้มรวมเพลงหน้า B ตามออกมาในเดือนพฤศจิกายนปี 1998 ประกอบไปด้วยเพลงB-Sideเด็ดๆที่ดีกว่าหลายเพลงอัลบั้มต่อมา เช่น The Masterplan , Acquiesce , Half the world away ,Rockin' Chair ฯลฯ ในปีถัดไปสมาชิกดั้งเดิมของ โอเอซิส เหลืออยู่แค่ 2 คนคือ โนล และ เลียม ถ้าไม่นับ Alan White ซึ่งเข้าร่วมวงในยุค Morning Glory
ยุคเปลี่ยนแปลง
9 สิงหาคม1999 ระหว่าง บันทึกเสียงอัลบั้มชุดที่4 โบนเฮ้ด ก็ออกจาก Oasis โดยให้เหตุผลว่าอยากมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ตามมาด้วย พอล แมกเกวียนในวันที่ 26 สิงหาคม 1999 แต่ 2 พี่น้องก็มีสมาชิกใหม่ มาเสริมบารมีเป็นถึง แอนดี้ เบลล์ อดีตมือกีตาร์ของคณะ Ride ที่มาเข้าวงเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 1999 แต่มาเล่นเบสให้ Oasis ส่วนมือกีตาร์ได้ เก็ม อาร์เชอร์ อดีต Heavey Stereo มาแทน ปลายปี อลัน แม็คกี ผู้คนพบ Oasis ลาออกจากตำแหนงประธาน Creation Records ต้นสังกัดของ Oasis เพื่อตั้งสังกัดใหม่

5 มกราคม 2000 โอเอซิส ตั้งบริษัทแผ่นเสียงของตัวเอง Big Brother อัลบั้มแรกในสังกัดคือ Standing On The Shoulder Of Giants อัลบั้มชุดที่ 4 ของ Oasis วางขายเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ขึ้นอันดับ 1 ในอังกฤษได้เช่นเคย พร้อมกับซิงเกิ้ลฮิตอย่าง Go let it out! ถึงจะเป็นงานที่ได้รับคำวิจารณ์ในแง่ลบ เต็มไปด้วยซาวนด์เอฟเฟกต์และไซคีเดลิกต่างจากสมัยรุ่งโรจน์ก็ตาม แต่เลียมโชว์ฝีมือการแต่งเพลงครั้งแรกในเพลง Little James เขาแต่งให้ เจมส์ ลูกชายของ แพ็ตซี่ ภรรยาของเขา
โอเอซิสออกทัวร์ยุโรปท่ามกลางกระแสข่าวว่า 2 พี่น้อง ไม่กินเส้นกันหนักข้อขึ้นทุกวันจนกระทั่งในวันที่ 24 พฤษภาคม โนล เอือมพฤติกรรมน้องชายมาก(เมาแล้วพาล) ถึงกับทิ้งการทัวร์Barcelonaมากลางคันและประกาศว่าจะไม่ออกทัวร์นอกเกาะอังกฤษอีกต่อไป โอเอซิส ตกอยู่ในภาวะวิกฤติถึงขั้น 2 พี่น้องไม่ยอมให้สัมภาษณ์ร่วมกัน จนหลายคนเกรงว่าจะถึงกาลอวสาน วงจึงได้ออกอัลบั้มแสดงสด Familiar To Millions ซึ่งเป็นบันทึกการแสดงสดที่ Wembley Stadium ต่อหน้าคนดูกว่า70000 คน มาขัดตาทัพในเดือนพฤศจิกายน สามารถไต่ขึ้น #5 ที่อังกฤษ จากนั้น โนล ก็ตั้ง สังกัดแผ่นเสียง ของตัวเองขึ้นมาอีกเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2001แต่สถานการณ์ก็คลี่คลายขึ้นในที่สุดหลังจากที่ โนล และ เลียม ต่างก็หย่ากับภรรยาของ ตัวเอง ข่าวว่าภรรยาของทั้งคู่ต่างก็ไม่ชอบขี้หน้าซึ่งกันและกัน แถมยังไม่ชอบพี่น้องของสามีตัวเองด้วย 2 พี่น้องหันหน้ามาคืนดีกันเหมือนเดิม 15 เมษายน 2002 Oasis ออกซิงเกิ้ลแรกในรอบเกือบ 2 ปี The Hindu Times เป็นการย้อนกลับไปหาซาวด์เก่าๆสมัยอัลบั้มแรก ขึ้นถึงอันดับที่ 1 ทันทีในอังกฤษ ซิงเกิ้ลที่ 2 เป็นเพลงบัลลาดช้า ๆ Stop crying your heart out ปลายเดือนมิถุนายนกลายเป็นเพลงปลอบขวัญ แฟนฟุตบอลอังกฤษที่พลาดแชมป์ เวิร์ลด์คัพ

ช่วงครึ่งหลังของปี 2002 โอเอซิสมีคิวทัวร์ยาวทั้งปี โนล ยอมกลืนน้ำลายตัวเองออกทัวร์อเมริกากับ โอเอซิสเริ่มที่ปอมปาโน่ บีชในฟลอริดา วันที่ 2 สิงหาคม 2002 จากนั้นจะกลับมาเล่น คอนเสิร์ตที่แมนเชสเตอร์บ้านเกิด 2 รอบกลางเดือนกันยายน ต่อด้วยทัวร์ที่ญี่ปุ่นแล้วย้อนกลับไปอเมริกาอีกครั้งกับที่เม็กซิโก การแสดงครั้งสำคัญอยู่ที่คอนเสิร์ต3คืนที่ Finsbury Parkกลางกรุงลอนดอนซึ่งเรียกศรัทธาแฟนเพลงกลับมาได้จำนวนมาก ต่อมาในเดือนพฤศจิกายนได้เกิดเรื่องราวขึ้น เมื่อเลียมได้ไปมีเรื่องชกต่อยกับนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลในผับแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมันเป็นผลให้ฟันของเลียมหักไป2ซี่ และสมาชิกวงทุกคนโดนปรับ ในขณะที่โนลและแอนดี้ ประสบอุบัติเหตุรถชนในปีเดียวกันนั้นแต่ยังดีที่ปลอดภัยทั้งสองคน


ยุคฟื้นคืนชีพ
ในช่วงต้นปี 2004 โอเอซิสได้เริ่มทำอัลบั้มใหม่และอัลบั้มพิเศษ ซึ่งมีกำหนดออกวางแผงในเดือนกันยายน แต่ก่อนหน้านั้นมือกลองผู้ที่อยู่กับวงมายาวนาน Alan White ได้ออกจากวง ทำให้ต้องเรียกมือกลองไฟแรง Zak Starkey มาอัดเสียงแทน ซึ่งเป็นลูกชายของ Ringo Starr แห่งวงเดอะ บีทเทิลส์ แต่เนื่องจากทางวงไม่ได้ประกาศตัวเขาเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัว ทำให้เขาแทบจะไม่ได้ปรากฏตัวในงานหรือบทสัมภาษณ์ ต่างๆ การแสดงครั้งสำคัญของวงปีนี้เกิดขึ้นที่เทศกาลดนตรี Glastonbury 2004 โดยแสดงเป็นวงเฮดไลน์ที่เวทีPyramidท่ามกลางคนดูกว่าหกหมื่นคน แต่การแสดงครั้งนั้นได้รับคำวิจารณ์ทางลบพอสมควร เนื่องจากสมาชิกแต่ละคนในวงซึ่งดูไม่มีอารมณ์ร่วมในการแสดงเอาเสียเลย

กันยายน 2004 โอเอซิส ได้เปิดตัว Definitely Maybe: The DVD commemorating the10th anniversary ซึ่งเป็นดีวีดีฉลองครบรอบ10ปีของอัลบั้ม Definitely Maybe ต่อมาในเดือน พฤศภาคมปี 2005 นับเป็นปีทอง Oasis ได้วางแผงอัลบั้มที่6ของพวกเขา Don't Believe the Truth ซึ่งนับว่าเป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ (What's The Story) Morning Glory? จนสื่อมวลชนอังกฤษ พากันขนานนามว่า Return to Form ด้วยซาวนด์ดิบๆในรูปแบบแปลกใหม่ ประกอบไปด้วยเพลงซิงเกิ้ลฮิตอย่าง Lyla , The Importance of Being Idle และ Let there be love อันดับ 1และ2 ใน Uk Chart ตามลำดับ หลังจาก นั้น Oasisได้ออกเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตครั้งใหญ่รอบโลก เริ่มต้นในเดือนพฤศภาคม 2005 ที่ลอนดอนและจบลงที่เม็กซิโกเมื่อมีนาคม 2006 รวมเดินทางทั้งหมด26ประเทศทั่วโลกรวมไปถึงประเทศไทยด้วย ตามมาติดๆด้วยการคว้ารางวัล Q Awards 2005 ในสาขา Best New Album และ People's Choice นอกจากนี้ ในช่วงปลายปี 2005 วงยังได้แต่งเพลง Who Put The Weight Of The World On My Shoulders เพื่อเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Goal! อีกด้วย

ปี 2006 มีกระแสข่าวมากมายถึงอัลบั้มรวมฮิต แม้กระทั่งข่าวลือเกี่ยวกับหนังของพวกเขา และได้มีการออกมายืนยันในภายหลัง หนังเรื่อง Lord Don't Slow Me Down ซึ่งเป็นหนังสารคดีกึ่งชีวประวัติของวง เป็นที่จับตามองของแฟนๆทั่งโลก และอัลบั้มรวมฮิต Stop the Clocks ที่เป็นอัลบั้มรวมเพลงที่ดีที่สุดจำนวน 18 เพลง จากผลงานทั้ง 12 ปี จากการคัดเลือกของโนล นับว่าเป็นอัลบั้มที่น่าสะสมเป็นอย่างมาก ปลายปี โนลและเก็มได้ออกมินิทัวร์อคุสติกเพื่อโปรโมตอัลบั้มในหลายๆที่ทั่วโลก
ปี 2007 โอเอซิส ขึ้นรับรางวัล Brit Award ในสาขา oustanding contribution to music หรือ วงที่สร้างสรรค์คุนุปการแก่วงการดนตรี พร้อมขึ้นทำการแสดงสดเรียกน้ำย่อย มีข่าวลือเรื่องความบาดหมางระหว่างเลียมกับโนลซึ่งไม่พอใจกับการร้องในคืนงานบริท อย่างไรก็ดีสตูดิโออัลบั้มหน้าจะเป็นตัววัดจุดยืนของวง โอเอซิส อีกครั้งหนึ่งและมีกำหนดการอย่างเร็วที่สุดในสิ้นปี ในขณะที่โนลยังเดินสายเล่นอคุสติกต่อไป

กลางปี โอเอซิส ได้เป็นส่วนหนึ่งของการนำอัลบั้มตำนานของเต่าทองอย่าง Sgt. Pepper's Lonely Hearts Club Band มาคัฟเวอร์เรียบเรียงใหม่ ท่ามกลางข่าวลือเรื่องการแสดงคอนเสิร์ตต่างๆมากมาย ในที่สุด แฟนๆก็ไม่ผิดหวัง เมื่อทางวงประกาศถึงการเข้าทำงานในสตูดิโออัลบั้มใหม่ ซึ่งจะเป็นอัลบั้มที่ 7 และยังประกาศการวางจำหน่ายของ DVD แผ่นคู่ใหม่ล่าสุด ซึ่งจะเป็นการนำสารคดีที่ฉายทั่วโลกเมื่อปีก่อนอย่าง Lord Don't Slow Me Down แบบสมบูรณ์มาจำหน่าย พร้อมด้วยโชว์การแสดงของพวกเขาที่สนาม City of Manchester Stadium เมื่อปี 2005 ซึ่งจะมีกำหนดการวางจำหน่ายในปลายปี สร้างความยินดีปรีดาแก่แฟนๆและสาวกเป็นจำนวนมากที่ต่างรอคอยกันมานาน
ทั้งโนลและเลียมได้เปิดเผยว่าพวกเขาได้มีการพบปะพูดคุยกับโปรดิวเซอร์ Dave Sardy ผู้ฝากผลงานไว้กับอัลบั้มชุดก่อนของวงแล้ว การเริ่มงานได้เริ่มขึ้น แต่พวกเราคงต้องรอไปจนถึงช่วงปี 2008 ถึงจะได้ฟังอัลบั้มใหม่กัน

จาก wiki
ผลงาน
อัลบั้ม
Definitely Maybe (1994)
(What's the Story) Morning Glory? (1995)
Be Here Now (1997)
Standing on the Shoulder of Giants (2000)
Heathen Chemistry (2002)
Don't Believe the Truth (2005)
Dig Out Your Soul (2008)
อัลบั้มบันทึกการแสดงสด
Familiar to Millions(2000)
อัลบั้มรวมเพลง
The Masterplan (1998)
Stop the Clocks (2006)
วีดีโอ
Live by the Sea (1995)
...There and Then (1996)
Familiar to Millions (2000)
Definitely Maybe (2004)
Lord Don't Slow Me Down (2007)








Wallpaper

Oasis wallpaper 1

Oasis wallpaper 2

Oasis wallpaper 3

Coldplay - Biography

Coldplay เป็นวงดนตรีร็อกจากลอนดอน, สหราชอาณาจักร ก่อตั้งวงในปี พ.ศ. 2541 มีเพลงดังอย่าง "Yellow", "Speed Of Sound", และ "In My Place" เป็นต้น

ประวัติ
วงได้ก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2541 โดยเด็กนักเรียน จาก UCL ซึ่งนั่นก็ได้แก่ คริส มาร์ติน, จอน บั๊คแลนด์, กาย เบอร์รี่แมน และ วิล แชมป์เปี่ยน พวกเขาลงทุนบันทึกเดโมเทปด้วยตัวเอง ทำ อีพีเซฟตี้ (EP safety)

ในเดือน พฤษภาคม ซึ่งเป็นผลงานชิ้นแรกที่ โคลด์เพลย์บันทึกเสียงหนึ่งในเพลงของพวกเขา “Bigger Stronger” เป็นเพลงที่ถูกจับตา มองจากสื่อต่างในอังกฤษๆ เป็นอย่างมาก โคลด์เพลย์ได้ไปแสดงที่เดอะฟอลค่อน ในย่าน แคมแดน ในเดือน ธันวาคม ที่ซึ่งพวกเขาถูกจับตามองเป็นอย่างมากจากบรรดาสื่อที่มีอิทธิพล ค่ายเพลงเฟียร์ซ แพนด้า และไซม่อน วิลเลี่ยม จากนิตยสาร NME (นิตยสารวงการเพลงอัลเทอร์เนทีฟ)ผู้ซึ่งทำให้วงของพวกเขาดังเป็นพลุแตก

ซิงเกิ้ลฮิต “Brother & Sister” ที่ทำกับค่ายเฟียร์ซ แพนด้าได้เข้าไปติดชาร์ต ท็อปวันฮันเดรด ในช่วงต้นปี 2542 ในเดือนพฤษภาคม วงนี้ก็ได้ทำสัญญากับค่าย พาร์โลโฟนจากการที่พวกเขาได้ไปปรากฏตัวในงานเทศกาลดนตรี แกลสตันบิวรี่ ก็ได้ปล่อย อีพีชุดใหม่คือ “The Blue Room” ซึ่งเป็นผลงานชิ้นแรกที่ทำกับ ค่ายพาร์โลโฟน ในปี พ.ศ. 2543 พวกเขาก็ออกทัวรคอนเสิร์ต ร่วมกับวงหน้าใหม่ Terris และเล่นเป็นวงเปิดให้กับวง Muse

เพลงที่ยอดฮิตของพวกเขาคือ Shiver, Yellow และ Trouble ในอัลบั้ม Parachutes ที่วางแผงในเดือน กรกฎาคม และวงของพวกเขายังได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Mercury MusicPrize อีกด้วย

อัลบั้มที่ 2 A Rush of Blood to the Head โคลด์เพลย์ได้กลับสตูดิโอเพื่อทำอัลบั้มในช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2544 อัลบั้มออกวางขายเดือน สิงหาคม 2002 อัลบั้มนี้มีเพลงฮิตอย่าง "In My Place", "The Scientist", และ "Clocks" นอกจากนั้นเพลง "Clocks" ยังได้รางวัลแกรมมี่สาขา Record of the Year ไปอีกด้วย
หลังทิ้งช่วงจากอัลบั้ม A Rush Of Blood To The Head เป็นเวลา 2 ปีกว่า 6 มิถุนายน พ.ศ. 2548 ก็ได้ออกอัลบั้ม X&Y (เอ็กซ์ แอนด์ วาย) ที่พวกเขาได้ตระเวน ทำการบันทึกเสียงถึง 8 สตูดิโอไม่ว่าจะเป็นที่ชิคาโก, นิวยอร์ก, ลอสแอนเจลิส, ลิเวอร์พูล, และลอนดอน กับซิงเกิ้ลแรก “Speed of Sound” ที่เปิดตัวอันดับ 8 ชาร์ตบิลบอร์ดในอาทิตย์แรก สร้างสถิติเป็นวงจากอังกฤษวงที่สองต่อ จาก เดอะ บีทเทิลส์ ที่สามารถนำซิงเกิ้ลที่ปล่อยไปเพียงอาทิตย์แรกเข้าสู่ Top 10 ของชาร์ตฝั่งอเมริกา

วันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2549 โคลด์เพลย์ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ Front Row ทาง BBC Radio 4 ว่า Brian Eno จะมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้อัลบั้มที่ 4 ของพวกเขา นอกจากนั้นเดือน มีนาคม พ.ศ. 2549 Timbaland ได้บอกกับนิตยสาร GQ Magazine ว่าเขาจะมาร่วมทำอัลบั้มให้กับโคลด์เพลย์ในอัลบั้มหน้าด้วย

จาก http://th.wikipedia.org/wiki/Coldplay

ผลงานสตูดิโออัลบั้ม
Parachutes - (พ.ศ. 2543)
A Rush of Blood to the Head - (พ.ศ. 2545)
X&Y - (พ.ศ. 2548)
Viva la Vida or Death and All His Friends - (พ.ศ. 2551)








Wallpaper

Coldplay wallpaper 1

Coldplay wallpaper 2

Coldplay wallpaper 3

Coldplay wallpaper 4

Nickelback - Biography


Nickelback เป็นวงร็อกจากแคนาดา ก่อตั้งวงในฮานนา อัลเบอร์ตา โดย แชด โครเกอร์, ไมค์ โครเกอร์, ไรอัน พีก และอดีตมือกลอง แบรนดอน โครเกอร์ (มือกลองปัจจุบันคือ แดเนียล อแดร์) แนวเพลงของวงโดยทั่วไปคือ อัลเทอร์เนทีฟ หรือ ฮาร์ดร็อก ในบางครั้งเว็บไซต์ออลมิวสิกจะจัดกลุ่มอยู่ใน อัลเทอร์เนทีฟเมทัลด้วย

ถึงแม้ว่าวงจะมาจากฮานนา อัลเบอร์ตา เมืองเล็ก ๆ ทางตะวันตกของคาลการี แต่ปัจจุบันพวกเขาอยู่ที่แวนคูเวอร์ ,บริทิช โคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ชื่อของวงมาจาก เงินเหรียญแคนาดาที่สมาชิกวง ไมค์ โครเกอร์ ให้ลูกค้าเมื่อเขาทำงานอยู่ที่ร้านสตาร์บักส์ เขามักจะพูดบ่อย ๆ ว่า "นี่ครับ เงินเหรียญของคุณ" (อังกฤษ: Here's your nickel back)
วงเซ็นสัญญาภายใต้เครืออีเอ็มไอที่บ้านเกิด และโรดรันเนอร์เรคคอร์ดส ในส่วนที่เหลือของโลก

จาก http://th.wikipedia.org/wiki/Nickelback

ผลงาน
Curb (1996)
The State (2000)
Silver Side Up (2001)
The Long Road (2003)
All the Right Reasons (2005)
Dark Horse (2008)









Wallpaper

Nickelback wallpaper 1

Nickelback wallpaper 2

Nickelback wallpaper 3

Slipknot - Biography



Slipknot เป็นวงเฮฟวีเมทัลจาก Des Moines ,ไอโอวา สหรัฐอเมริกา สมาชิกปัจจุบันของวงคือ Sid Wilson, Joey Jordison, Paul Gray, Chris Fehn, Jim Root, Craig Jones, Shawn Crahan, Mick Thomson, และ Corey Taylor พวกเขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกเฮฟวีเมทัลยุคใหม่ของอเมริกา

พวกเขาตั้งวงในช่วงปลายปี 1995 ออกผลงานอินดี้ชุดแรกชื่อ Mate. Feed. Kill. Repeat. ในปี 1996 และมีผลงานสตูดิโออัลบั้มชุดแรก ใช้ชื่อ Slipknot เช่นเดียวกับชื่อวง ออกในปี 1999 จากนั้นมีผลงานสตูดิโออัลบั้มอีกสองชุดคือ Iowa ในปี 2001 และ Vol. 3: (The Subliminal Verses) ในปี 2004 ล่าสุดออกผลงานอัลบั้มชุดที่ 4 คือ All Hope Is Gone เมื่อ 25 สิงหาคม ค.ศ. 2008

ผลงานอัลบั้ม
1996: Mate. Feed. Kill. Repeat.
1998: Slipknot Demo
1999: Slipknot
2001: Iowa
2004: Vol. 3: (The Subliminal Verses)
2005: 9.0: Live
2008: All Hope Is Gone

จาก http://th.wikipedia.org









Wallpaper

Slipknot wallpaper 1

Slipknot wallpaper 2

Slipknot wallpaper 3

Nirvana - Biography

Nirvana เป็นวงที่ทำเพลงแนวกรันจ์ และอัลเทอร์เนทีฟ ร็อก เริ่มตั้งวงเมื่อปี 1987 ที่เมืองอาเบอร์ดีน รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา และยุบวงในปี 1994 เมื่อ เนอร์วาน่า ออกอัลบั้ม Nevermind ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ 2 ในปี 1991 ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็เปลี่ยนไป เพราะ เนอร์วาน่า ทำให้แนวเพลงพังค์ร็อก โพสท์พังค์ และอินดี้ร็อกได้รับความนิยมในตลาดหลักของอเมริกา อย่างที่ไม่เคยมีวงใดทำได้มาก่อน

ประวัติ

ช่วงเริ่มแรก
เคิร์ท โคเบน (ร้องนำ, กีต้าร์) พบกับคริส โนโวเซลิก (มือเบส) ในปี 1985 ที่เมืองอาเบอร์ดีน รัฐวอชิงตัน ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมป่าไม้เมืองเล็ก ๆ ห่างจากซีแอ็ทเทิล 100 ไมล์ ภูมิหลังของ คริสราบเรียบกว่าเคิร์ท เพราะตอนอายุ 8 ปีเคิร์ทต้องเผชิญกับปัญหาจากการหย่าร้าง ของบิดามารดา หลังจากทั้งคู่หย่ากันแล้ว เคิร์ทก็ต้องเวียนไปอยู่ตามบ้านญาติ เขาชอบเพลงของเดอะ บีทเทิ้ลส์ จากนั้นก็หันมาชอบเพลง เฮฟวี่เมทัล ในที่สุดเคิร์ท ก็หลงรักเพลง ฮาร์ดคอร์พังค์ ทั้งยังได้พบกับวงThe Melvins ซึ่งเป็นวงเฮฟวี่พังค์อันเดอร์กราวด์ ต่อมา เคิร์ทก็เริ่มเล่นดนตรีให้วงพังค์อย่าง Fecal Matter โดยส่วนใหญ่จะไปกับเดล โครเวอร์ มือเบสของ The Melvins

บัซซ์ ออสบอร์น หัวหน้าวง The Melvins แนะนำให้เคิร์ท รู้จักกับคริส โนโวเซลิก ซึ่งสนใจดนตรีพังค์เช่นกัน การสนใจแนวเพลงพังค์ ทำให้ทั้งเคิร์ทกับคริสรู้สึกแปลกแยก จากคนส่วนใหญ่ในอาเบอร์ดีน ที่เป็นคนงาน ทั้งคู่จึงตัดสินใจ ตั้งวงชื่อว่า The Stiff Woodies โดยเคิร์ท เป็นมือกลอง คริสเป็นมือเบส ส่วนตำแหน่งกีต้าร์ กับร้องนำนั้น มีหลายคนสลับสับเปลี่ยนกันไป จนในที่สุดเคิร์ทก็เล่นกีต้าร์และร้องเอง หลังจากเปลี่ยนชื่อวงเป็น Skid Row วงของเคิร์ท ก็มีสมาชิกทั้งหมดเป็น 3 คน ผู้ที่มาเพิ่มคือ แอรอน เบิร์คฮาร์ท มือกลอง แต่พอถึงปี 1986 แอรอนก็ออกจากวง ผู้ที่มาแทนคือแช้ด แชนนิ่ง ต่อมาในปี 1987 Skid Row ก็เปลี่ยนชื่อเป็น เนอร์วาน่า เนอร์วาน่า เริ่มจากการเล่นดนตรี ตามงานเลี้ยง ในเมืองโอลิมเปีย จนมีแฟนเพลงกลุ่มใหญ่พอควร

ในปี 1987 เนอร์วาน่า ทำเดโมเทป 10 ม้วน กับโปรดิวเซอร์ แจ็ค เอ็นดิโน่ ซึ่งได้นำเทปตัวอย่างไปเสนอ โจนาธาน โพนแมน หนึ่งในผู้ก่อตั้ง บริษัทแผ่นเสียงอิสระ ในซีแอ็ทเทิล ชื่อ Sub Pop ในที่สุดเนอร์วาน่า ก็ได้เซ็นสัญญาบริษัท และเดือนธันวาคม ปี 1988 เนอร์วาน่า ก็ออกซิงเกิ้ลแรก เป็นเพลงเก่าของวง Shocking Blue ชื่อ Love Buzz
ค่าย Sub Pop วางแผนการตลาด โดยให้สร้างภาพให้ เนอร์วาน่า เป็นวงหลังเขาจากเมืองอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งทำให้เคิร์ท กับคริสไม่พอใจ เพลง Love Buzz ได้รับการยอมรับพอสมควร แต่ผลงานที่ทำให้ เนอร์วาน่า เป็นที่รู้จักคืออัลบั้ม Bleach ซึ่งใช้เงินในการบันทึกเสียงกว่า 600 เหรียญเท่านั้น แต่เมื่อออกขายในฤดูใบไม้ผลิ ปี 1989 Bleach ก็ค่อย ๆ ฮิตตามสถานีวิทยุมหาวิทยาลัย เนื่องจาก เนอร์วาน่า ออกทัวร์คอนเสิร์ตสม่ำเสมอ แม้ในปกอัลบั้ม Bleach จะระบุชื่อมือกีต้าร์คนที่ 2 ไว้ว่าเป็น เจสัน เอฟเวอร์แมน แต่เขาไม่ได้ร่วมบันทึกเสียงด้วยเลย เจสัน เพียงแต่ออกทัวร์คอนเสิร์ตเท่านั้น ก่อนจะออกจากวงไปในช่วงปลายปี เพื่อไปอยู่กับวง Soundgarden และ Mindfunk

อัลบั้ม Bleach ขายได้ถึง 35,000 ชุด และ เนอร์วาน่า ก็ได้รับความนิยมจากสถานีวิทยุตามมหาวิทยาลัย และ นิตยสารดนตรีในอังกฤษ นอกจากนี้ วง Sonic Youth Mudhoney และ Dinosaur Jr. ก็ชื่นชม เนอร์วาน่า ด้วย ทำให้ค่ายเทปใหญ่ ๆ หันมาสนใจ เนอร์วาน่า ในช่วงฤดูร้อน เนอร์วาน่า ออกซิงเกิ้ล Sliver กับ Dive ซึ่งมีแดน ปีเตอร์สจากวง Mudhoneyมาเล่นกลองให้ ส่วนโปรดิวเซอร์คือ บุช วิค นอกจากจะบันทึกเสียง เพลงทั้งสองกับวิคแล้ว เนอร์วาน่ายังทำเดโมเทปอีก 6 เพลงกับวิคด้วย เดโมชุดนี้ ไปถึงมือค่ายยักษ์ซึ่งแย่งกัน เซ็นสัญญากับ เนอร์วาน่า

Nevermind
ปลายฤดูร้อน เดฟ โกรลห์ อดีตสมาชิกวง Scream วงแนวฮาร์ดคอร์จากวอชิงตันดีซี ก็เข้ามาเป็นมือกลองของ เนอร์วาน่า หลังจากนั้นก็เซ็นสัญญากับค่ายดีจีซีด้วยค่าตัว 287,000 เหรียญ เนอร์วาน่า บันทึกเสียงอัลบั้มที่ 2 กับวิค จนเสร็จในฤดูร้อนปีนั้นเอง ช่วงปลายฤดูร้อน หลังจาก เนอร์วาน่า ออกทัวร์คอนเสิร์ตกับ Sonic Youth พวกเขา ออกอัลบั้มชุดที่ 2 ในเดือนกันยายน ชื่อ Nevermind หลังออกอัลบั้ม เนอร์วาน่า ก็ออกทัวร์คอนเสิร์ตในสหรัฐอเมริกาทันที ค่ายดีจีซี ต้นสังกัดของ เนอร์วาน่า ตั้งเป้าว่า Nevermind จะขายได้ประมาณ 100,000 ชุด แต่ปรากฏว่า Nevermind ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และขายชุดแรกจำนวน 50,000 แผ่นได้ในเวลาไม่นาน จนขาดตลาดทั่วอเมริกา
เพลงที่ช่วยให้อัลบั้มนี้ประสบความสำเร็จคือ Smells Like Teen Spirit เพลงร็อก 4 คอร์ดที่มีการนำ มิวสิก วีดิโอ ออกกระหน่ำฉายทางเอ็มทีวี ต้นปี 1992 เพลง Smells Like Teen Spirit ก็ขึ้นถึงท็อป 10 ในอเมริกา และ Nevermind ก็ทำให้อัลบั้ม Dangerous ที่สร้างชื่อให้ ไมเคิล แจ็คสัน อีกครั้ง ต้องตกจากอันดับที่ 1 นอกจากนี้ Nevermind ยังติดท็อป 10 ที่อังกฤษหลังจากนั้นไม่นานด้วย ในเดือนกุมภาพันธ์ Nevermind ก็ได้แผ่นเสียงทองคำขาวถึงสามแผ่น ความสำเร็จของ เนอร์วาน่า เป็นเรื่องน่าประหลาดใจในวงการเพลง พวกเขาเองก็แปลกใจเช่นกัน
เนื่องจากปัญหาส่วนตัวของ เคิร์ท โคเบน ตกเป็นข่าวไปทั่ว เนอร์วาน่า จึงบันทึกเสียงอัลบั้มต่อจาก Nevermind ไม่ได้จนกระทั่งฤดูใบไม้ผลิปี 1993 ในช่วงที่หยุดไป ดีจีซี ได้ออกอัลบั้มรวมเพลงของ เนอร์วาน่า ชื่อว่า Incesticide ในช่วงปลายปี 1992 อัลบั้มนี้ ขึ้นถึงอันดับ 39 ในอเมริกา และอันดับ 14 ในอังกฤษ ผลงานอีกชิ้นที่ออกมาก่อนออกอัลบั้มที่ 3 คือซิงเกิ้ลที่ เนอร์วาน่า ร่วมทำกับวง The Jesus Lizard ที่ชื่อ Oh, The Guilt โดยซิงเกิ้ลนี้ มีค่าย ทัชแอนด์โก เป็นต้นสังกัด ในอัลบั้มที่ 3 เนอร์วาน่า เลือกสตีฟ อัลบินี่ โปรดิวเซอร์ที่เคยทำงานกับ Pixies BreedersBig Black และจJesus Lizard มาเป็นโปรดิวเซอร์

In Utero
อัลบั้ม In Utero ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ 3 ของ เนอร์วาน่า ออกมาในฤดูใบไม้ผลิ 1993 หลังทำอัลบั้มนี้เสร็จ เนอร์วาน่า ก็ตกเป็นข่าวอื้อฉาวอีกครั้ง เคิร์ทเสพย์เฮโรอีนเกินขนาด ในวันที่ 2 พฤษภาคม แต่ข่าวนี้ถูกปิดไว้ เดือนต่อมา คอร์ทนีย์เรียกตำรวจไปที่บ้านในซีแอ็ทเทิ่ล หลังจากเคิร์ท ขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ และขู่จะฆ่าตัวตาย ก่อนออกอัลบั้ม In Utero เคิร์ทเคยเสพย์ยาเกินขนาดมาแล้วครั้งหนึ่ง ใน งานสัมมนาดนตรีแนวใหม่ที่ห้องโรสแลนด์บอลรูมในนิวยอร์ก ในเดือนกรกฎาคม ช่วงนั้นเอง เริ่มมีข่าวในนิวสวีค และสื่ออื่น ๆ ว่าดีจีซีไม่พอใจอัลบั้มใหม่ ทั้งยังกล่าวหา เนอร์วาน่า ว่าตั้งใจออกอัลบั้ม ไม่ให้ประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์ ทางวง และต้นสังกัดปฏิเสธข่าวดังกล่าว
แต่ต่อมา เนอร์วาน่า ตัดสินใจปลด สตีฟ อัลบินี่ เพราะเห็นว่า ผลงานของสตีฟเรียบเกินไป และดึง สก็อต ลิทท์ โปรดิวเซอร์ของ R.E.M.มาปรับปรุงเพลง In Utero ออกวางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ 1993 และได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ ทั้งยังทำยอดขายช่วงแรกได้ดี ทำให้เข้าอันดับเป็นอันดับ 1 ทั้งในอังกฤษ และอเมริกา เนอร์วาน่า ออกคอนเสิร์ตในอเมริกา เพื่อโปรโมตอัลบั้มชุดนี้ โดยได้จ้าง แพ็ท สเมียร์ อดีตมือกีต้าร์วง Germs มาช่วยเล่นกีต้าร์เสริม แม้ตัวอัลบั้ม กับการแสดงคอนเสิร์ต จะประสบความสำเร็จ แต่ยอดขายกลับไม่สูงอย่างที่คาดไว้ การแสดงสดหลายครั้งขายบัตรได้ไม่มาก ต้องรอจนถึงสัปดาห์ที่มีการแสดง จึงขายหมด ด้วยเหตุนี้ เนอร์วาน่า จึงยอมรับปากเล่นคอนเสิร์ตแบบอะคูสติกที่ชื่อ Unplugged ของเอ็มทีวีตอนปลายปี

การตายของเคิร์ท โคเบน
หลังจากคอนเสิร์ตของเอ็มทีวีครั้งนี้ ออกอากาศในเดือนธันวาคม ยอดขาย In Utero ก็สูงขึ้น หลังจบการทัวร์คอนเสิร์ตในอเมริกา เมื่อวันที่ 8 มกราคม 1994 ที่เซ็นเตอร์ อารีน่าในซีแอ็ทเทิ่ล เนอร์วาน่า ก็เริ่มทัวร์คอนเสิร์ตในยุโรปในเดือน กุมภาพันธ์ หลังจากแสดงคอนเสิร์ตในมิวนิควันที่ 29 กุมภาพันธ์ เคิร์ทก็อยู่ที่กรุงโรมกับคอร์ทนีย์ต่อ เพื่อพักผ่อน วันที่ 4 มีนาคม เมื่อคอร์ทนีย์ตื่นมาก็พบว่า เคิร์ทพยายามฆ่าตัวตาย โดยทานยาโรฟีนอล ซึ่งเป็นยานอนหลับพร้อมกับแชมเปญ แม้ข่าวจะออกมาว่า เคิร์ทไม่ได้ตั้งใจฆ่าตัวตาย แต่สมาชิกวง เนอร์วาน่า ทราบดีว่า เคิร์ททิ้งจดหมายลาตายไว้
หลังอยู่โรงพยาบาล 1 สัปดาห์ เคิร์ทก็กลับซีแอ็ทเทิ่ล สุขภาพจิตของเขาเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ ในวันที่ 18 มีนาคม ตำรวจต้องกล่อมให้เคิร์ท เลิกคิดฆ่าตัวตายอีกครั้ง โดยครั้งนี้เขาขังตัวเองไว้ในห้อง และขู่จะฆ่าตัวตาย คอร์ทนีย์ กับผู้จัดการวง เนอร์วาน่า จัดการให้เคิร์ท เข้ารับการบำบัดที่ศูนย์บำบัดเอ็กโซดัส ในลอสแอนเจลิส เมื่อวันที่ 30 มีนาคม แต่เคิร์ทก็หนีออกมาได้ในวันที่ 1 เมษายน แล้วกลับไปซีแอ็ทเทิ่ล มารดาของเคิร์ท แจ้งความว่าเคิร์ทหายไปในวันที่ 4 เมษายน ในวันที่ 5 เคิร์ทก็ยิงศีรษะตนเองที่บ้านในซีแอ็ทเทิ่ล แต่ยังไม่มีใครพบศพ จนกระทั่งวันที่ 8 เมษายน เมื่อช่างไฟที่ไปติดตั้งระบบสัญญาณเตือน ที่บ้านของเคิร์ท ไปสะดุดร่าง ของเขาเข้า
หลังเสียชีวิต เคิร์ท โคเบน กลายเป็นเสมือนกระบอกเสียง ของคนรุ่นเจนเนอเรชั่น เอกซ์ ทันที ทั้งยังกลายเป็น สัญลักษณ์ของความทรมาน และความกดดัน ของคนรุ่นนี้ด้วย

หลังการตายของเคิร์ท
คริส โนโวเซลิก กับเดฟ โกรลห์ วางแผนจะออกอัลบั้มซีดีแผ่นคู่ รวมการแสดงสดในช่วงปลายปี 1994 แต่การเลือกเพลงจากเทป ทำให้ทั้งสองเจ็บปวดมาก ดังนั้นจึงมีการนำเพลงในรายการ MTV Unplugged in New York มาออกแทน อัลบั้มนี้เป็นอันดับ 1 ตั้งแต่เข้าอันดับ ทั้งในอังกฤษและอเมริกา ในปี 1996 ก็มีการออกอัลบั้ม From The Muddy Banks Of The Wishkah ซึ่งขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกา ในสัปดาห์แรกที่เข้าอันดับ
หลังจากเคิร์ท โคเบนเสียชีวิต เดฟ โกรลห์ก็ตั้งวงThe Foo Fighters ซึ่งออกอัลบั้มชุดแรกในฤดูร้อนปี 1995 ส่วนคริส โนโวเซลิกก็ตั้งวง Sweet 75 และออกอัลบั้มแรก ในฤดูใบไม้ผลิ ปี 1997 และตอนนี้ ฟอร์มวงที่มีชื่อว่า Eyes Adrift

แนวเพลง
แม้เพลงของ เนอร์วาน่า น่าจะฟังดูคล้ายส่วนผสม ระหว่าง เพลงของ Black Sabbath กับ Cheap Trick แต่เพลงของ เนอร์วาน่า เป็นอินดี้ร็อกขนานแท้ เนอร์วาน่า นำเพลงของ Vaselines มาร้อง และยังปลุกกระแส นิวเวฟด้วย เคิร์ท โคเบน หัวหน้าวง เนอร์วาน่า ผลักดัน วงดนตรีที่เขาชื่นชอบอย่างไม่ลดละ ไม่ว่าจะเป็นวงดนตรี แนวอาร์ตพังค์อย่าง Raincoats หรือวงแนวฮาร์ดคอร์ อย่าง The Meat Puppets จนดูเหมือนว่า เพลงในดวงใจของเคิร์ท สำคัญกว่าเพลงของตัวเขาเอง เนื่องจาก เนอร์วาน่า มีพื้นฐานจากแนวอินดี้ แต่ชอบเพลงป็อป แนวเพลงของวง ที่ออกมาระหว่าง การเดินทางไปสู่ความสำเร็จ จึงแปรผันไปตามเวลา จนกระทั่ง เนอร์วาน่า กลายเป็นวงแอนตี้ร็อก ที่อื้อฉาวที่สุดวงหนึ่ง ในประวัติศาสตร์วงการเพลง

ภาพลักษณ์
ช่วงที่ออกอัลบั้ม Nevermind เนอร์วาน่า มักยั่วยุกลุ่มแฟนเพลง เช่น เมื่อ เคิร์ท โคเบน ไปออกรายการ Headbanger's Ball ของเอ็มทีวี โดยแต่งตัวเป็นผู้หญิง นอกจากนี้ สมาชิกวงยังล้อเลียนรายการ Top Of The Pops ของสถานีโทรทัศน์บีบีซีด้วย โดยคริส โนโวเซลิก โยนเบสขึ้นลงตลอดเวลา และเคิร์ทก็ร้องเพลงแบบ เอียน เคอร์ทิส เวลาแสดงสด การทำลายเครื่องดนตรีของ เนอร์วาน่า ก็มีให้เห็นกันประจำ ภาพเช่นนั้น กลายเป็นภาพติดตาเมื่อ เนอร์วาน่า ทำลายเครื่องดนตรี ในรายการ Saturday Night Live แล้วลงเอยด้วยการที่ คริส โนโวเซลิก กับ เดฟ โกรลห์ จูบกัน

จาก http://th.wikipedia.org/wiki/Nirvana





Wallpaper

Nirvana wallpaper 1

Nirvana wallpaper 2

Nirvana wallpaper 3

Dream Theater - Biography


Dream Theater เป็นวงโปรเกรสซีพเมทัลจากสหรัฐอเมริกา ตั้งวงขึ้นในปี ค.ศ. 1985 ภายใต้ชื่อวงว่า “Majesty” โดย Petrucci, Myung, and Portnoy ในบอสตัน ซึ่งสมาชิกก็มีการผัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปแต่ทั้ง 3 คน ก็ยังเป็นเสาหลัก ของวงเสมอมา จนกระทั่งได้สมาชิกในปัจจุบัน คือ LaBrie ในตำแหน่งร้องนำ และ Rudess ในตำแหน่งคีย์บอร์ด Dream Theater ได้กลายมาเป็นหนึ่ง ในวงโปรเกรสซีพร็อก ที่ประสบความสำเร็จที่สุดวงหนึ่ง


ประวัติ
ดรีม เธียร์เตอร์เริ่มก่อตั้งวงตั้งแต่ปี 1986 ด้วยสมาชิกหลัก 4 คน คือ John Petrucci (กีตาร์) ,John Myung(เบส) , Mike Portnoy (กลอง) ,Kevin Moore (คีย์บอร์ด) หลังจากทั้ง 4 คนได้พบกันที่ Berklee School of Music จากนั้นในปี 1989 จึงได้ออกอัลบั้มที่มีชื่อว่า When Dream An Day Unite ต่อจากนั้นก็ได้นักร้องนำคนใหม่ James LaBrie ซึ่งมาแทน Chalie Dominichi นักร้องคนเก่าที่ลาออกไป


ในปี 1992 อัลบั้ม Images And Words ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ด้วยเนื้อหาเชิงปรัชญาและฝีมือดนตรีที่เหนือชั้น มีเพลงฮิตอย่าง Pull Me Under ,Another Day , Metropolis Part 1 และ Under A Glass Moon ทำให้กระแสดนตรีแนวโปรเกรสซีพร็อก ตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง

จากนั้นในปี 1994 จึงออกสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 3 ชื่อ Awake กับ ซาวด์ดนตรีที่หนักแน่นขึ้น ซึ่งมือคีย์บอร์ดเควิน มัวร์ได้ลาออกไปขณะบันทึกอัลบั้มชุดนี้ และได้ Derek Sherinian มาแทนในช่วงทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลก และได้อยู่ ร่วมทำอัลบั้มกับวงอีก 2 ชุดคือ A change Of Seasons ในปี 1995 และ Falling Into Infinity ในปี 1997 รวมทั้งอัลบั้มแสดงสดชุด Once In A LIVE time

หลังจากนั้นในปี 1999 อัลบั้มมหากาพย์ Scenes From A Memory ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์อัลบั้มชุดแรกของทางวง ก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง ด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับการระลึกชาติ และถือว่าเป็นภาคต่อของ Metro Polis Part 1 โดยได้มือคีย์บอร์ดคนปัจจุบันคือ Jordan Rudess ผู้ซึ่งได้ร่วมงานกับ John Petrucci และ Mike Portnoy ในอัลบั้ม Side Project บรรเลงในนาม Liquid Tension Experiment และยังเคยร่วมงานกับ Vinnie Moore มือกีต้าร์สายนีโอคลาสสิคชื่อดังอีกด้วย

หลังจากนั้นทางวงก็ยังออกอัลบั้มและทัวร์คอนเสิร์ตอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัลบั้มอย่าง Six Degrees Of Inner Turbulence ในปี 2002 และ Train Of Thought ในปี 2003 ต่อมาในปี 2004 ได้ออก DVD Live at Budokan บันทึกการแสดงสดครั้งประวัติศาสตร์จากประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งมีภาพประวัติศาสตร์ของวง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันบรรจุอยู่ใน DVD ชุดนี้อีกด้วย ทำให้ DVD Live at Budokan มียอดขายถล่มทลายทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย
ในปี 2005 ดรีม เธียร์เตอร์ ทำการออกสตูดิโอ อัลบั้มชุดที่ 8 Octavarium เป็นอัลบั้มที่สรุปเรื่องราวทาง ดนตรีของพวกเขาทั้ง 5
สมาชิกในปัจจุบัน

ด้วยซาวด์ที่หลากหลายตั้งแต่เฮฟวีเมทัล อย่างเพลง Panic Attack ,Never Enough จนถึงซาวด์ร่วมสมัยอย่างเพลง I Walk Beside You รวมทั้งเพลงคอนเซ็ปต์อย่าง Octavarium แต่ยังอยู่บนพื้นของโปรเกรสซีพร็อก และยังได้ทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกซึ่งถือเป็นปีที่ 20 ของวงWorld Tour ชื่อทัวร์ว่า "Octavarium World Tour 2005/2006" ซึ่งจะใช้เวลาการทัวร์ถึง 2 ปีเต็มๆ (2005-2006)

Systematic Chaos เป็นสตูดิโออัลบั้มที่ 9 และเป็นอัลบั้มแรกที่ทางวงออกกับค่ายใหม่ คือ Roadrunner Records โดยอัลบั้มนี้ได้ถูกแต่ง และทำการบันทึกเสียง ตั้งแต่เดือน กันยายน 2006 ไปจนถึงเดือน มกราคม 2007 ที่ Avatar Studios ในเมืองนิวยอร์ก ซึ่งโปรดิวเซอร์ของอัลบั้มนี้ก็คือ Mike Portnoy และ John Petrucci โดยมี Paul Northfield เป็น Sound Engineer



จาก http://th.wikipedia.org/wiki/Dream_Theater


ผลงาน

สตูดิโออัลบั้มและอีพี
When Dream and Day Unite (1989)
Images and Words (1992)
Awake (1994)
A Change of Seasons (1995)
Falling into Infinity (1997)
Metropolis Pt. 2: Scenes from a Memory (1999)
Six Degrees of Inner Turbulence (2002)
Train of Thought (2003)
Octavarium (2005)
Systematic Chaos (2007)














Wallpaper

Dream Theater wallpaper 1

Dream Theater wallpaper 2

Dream Theater wallpaper 3

Metallica - Biography



Metallica) เป็นวงเฮฟวี่เมทัล, แทรชเมทัล ซึ่งก่อตั้งวงเมื่อปี 1981 ในเมืองลอสแอนเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สมาชิกรุ่นก่อตั้งของวงประกอบด้วย ลาร์ อุลลิช (กลอง), เจมส์ เฮทฟิลด์ (ร้องนำ, ริทึ่มกีตาร์), เดฟ มัสเทน (ลีดกีตาร์) และ รอน แม็คกอฟนีย์ (เบส) ต่อมารอน แม็คกอฟนีย์ ถูกไล่ออกจากวง ทางวงได้ คลิฟฟ์ เบอร์ตันมาแทนที่ และต่อมาเดฟ มัสเทน ก็ถูกไล่ออกจากวงเช่นกัน ทางวงได้ตัว เคิร์ก แฮมเม็ตต์ จากวง เอ็กโซดัส มาแทนที่ในตำแหน่งลีดกีตาร์ ต่อมาในปี 1986 คลิฟฟ์ เบอร์ตัน ได้เสียชีวิตลงเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างทัวร์คอนเสิร์ต เจสัน นิวสเตด จากวงโฟลตซัม แอนด์ เจทซัม ได้เข้ามาแทนที่ในตำแหน่งมือเบสของวง เจสัน นิวสเตด ได้ลาออกจากวงในปี 2001 และถูกแทนที่โดยโรเบิร์ต ทรูฮีโย จนถึงปัจจุบัน



ผลงานสามชุดแรกของวงเน้นเพลงที่มีความเร็วว่าเพลงเฮฟวี่เมทัลทั่วไปในขณะนั้น จังหวะกระแทกกระทั้น บางเพลงเป็นเพลงบรรเลงขนาดยาว ที่แสดงถึงทักษะของนักดนตรีโดยเฉพาะคลิฟ เบอร์ตันผู้เป็นมือเบส แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการโซโล่เบสได้อย่างรวดเร็ว และใช้เอฟเฟ็กต์ที่ทำให้เสียงเบสฟังเหมือนเสียงกีตาร์โซโล่ จุดเด่นเหล่านี้ทำให้ทางวงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ฟังเพลงเมทัลใต้ดินและมีส่วนสำคัญในการส่งอิทธิพลต่อวงรุ่นหลัง ทำให้เกิดแนวเพลงแทรชเมทัลในเวลาต่อมา อัลบั้มชุดที่สามของวงที่ชื่อว่า Master of Puppets เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นอัลบั้มที่ดนตรีเป็น แทรชเมทัล (Thrash Metal) เต็มตัว เพราะเต็มไปด้วยเพลงที่มีจังหวะที่รวดเร็ว กระแทกกระทั้น เหมือนการเฆี่ยน (Thrash) ม้าด้วยแซ่เพื่อให้ม้าควบตะบึงด้วยความเร็วสูงสุด


จาก http://th.wikipedia.org/wiki/Metallica

สมาชิกวง
เจมส์ เฮทฟิลด์ – ร้องนำ, ริทึ่มกีตาร์ (2524–ปัจจุบัน)
เคิร์ก แฮมเม็ตต์ – ลีดกีตาร์, ร้องประสาน (2526–ปัจจุบัน)
โรเบิร์ต ทรูฮีโย – กีตาร์เบส, ร้องประสาน (2546–ปัจจุบัน)
ลาร์ อุลลิช – กลอง (2524–ปัจจุบัน)

อดีตสมาชิกวง
เจสัน นิวสเตด – กีตาร์เบส, ร้องประสาน (2529–2544)
คลิฟฟ์ เบอร์ตัน – กีตาร์เบส, ร้องประสาน (2525–2529)
เดฟ มัสเทน – ลีดกีตาร์, ร้องประสาน (2525–2526)
รอน แม็คกอฟนีย์ – กีตาร์เบส (2525)


ผลงาน
2526: Kill 'Em All
2527: Ride the Lightning
2529: Master of Puppets
2531: ...And Justice for All
2534: Metallica
2539: Load
2540: ReLoad
2546: St. Anger
2551: Death Magnatic









Wallpaper

Metallica wallpaper 1

Metallica wallpaper 2

Metallica wallpaper 3

Metallica wallpaper 4

Pink Floyd - Biography


Pink Floyd เป็นวงดนตรีร็อกจากประเทศอังกฤษ ที่ประสบความสำเร็จ และมีอิทธิพลต่อวงการดนตรีร็อกมากที่สุดวงหนึ่ง มียอดขายอัลบั้มทั่วโลกถึง 250 ล้านชุด ยอดขายเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 73.5 ล้านชุด
อัลบั้ม The Dark Side of the Moon ของทางวง ติดอันดับ 1 ใน 200 อันดับแรกของนิตยสารบิลบอร์ดต่อเนื่องนานถึง 741 สัปดาห์ หรือ 15 ปี ระหว่าง ค.ศ. 1973-1988 เป็นสถิติยาวนานที่สุดและสามารถสร้างสถิติในอังกฤษด้วยการอยู่บนชาร์ทได้นาน 301 สัปดาห์ ถึงแม้จะขึ้นสูงสุดที่อันดับ 2


ประวัติ

Pink Floyd วงดนตรีวงนี้ถือกำเนิดขึ้นจากประเทศอังกฤษ ณ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สมาชิกรุ่นดั้งเดิมประกอบด้วย Syd Barrett นักศึกษาคณะศิลปกรรม ซึ่งทำหน้าที่เป็นมือกีตาร์ ร้องนำ และเขียนเพลง Roger Waters นักศึกษาคณะสถาปัตย์ ทำหน้าที่เป็นมือเบส Nick Mason นักศึกษาสถาปัตย์ ทำหน้าที่เป็นมือกลอง และ Rick Wright นักศึกษาสถาปัตย์เช่นกัน ทำหน้าที่มือคีย์บอร์ด

Pink Floyd เป็นวงดนตรีที่มีวิวัฒนาการทางดนตรียาวนานถึง 30 กว่าปี แนวเพลง ซึ่งพัฒนาเรื่อยๆ ทั้ง Psychidelics ,Syphonic Rock , Progressive Rock , Art Rock จงไปถึง Serious Music และผู้นำของวงในแต่ละยุคซึ่งแตกต่างกันไป

ภายหลัง Syd Barrett ได้ออกจากวงไป โดยได้ David Gilmour มาทำหน้าที่เป็นมือกีตาร์แทน
Rick Wright ได้ถูกไล่ออกจากวงในช่วง ทำอัลบั้มชุด The Wall และได้กลับเข้าวงใหม่ในช่วงอัลบั้ม A Momentary Lapse Of Reason

และภายหลังทำอัลบั้ม The Final Cut ในปี ค.ศ. 1983 Roger Waters ก็ประกาศลาออกจากวง จึงทำให้วงเหลือสมาชิกเพียงแค่ 3 คน คือ David Gilmour,Nick Mason, Rick
Wright
จาก http://th.wikipedia.org/wiki/Pink_Floyd

ผลงาน

สตูดิโออัลบั้ม
The Piper at the Gates of Dawn (August 5, 1967)
A Saucerful of Secrets (June 29, 1968)
Music from the Film More (July 27, 1969)
Ummagumma (October 25, 1969)
Atom Heart Mother (October 10, 1970)
Meddle (October 30, 1971)
Obscured by Clouds (June 3, 1972)
The Dark Side of the Moon (March 24, 1973)
Wish You Were Here (September 15, 1975)
Animals (January 23, 1977)
The Wall (November 30, 1979)
The Final Cut (March 23, 1983)
A Momentary Lapse of Reason (September 7, 1987)
The Division Bell (March 30, 1994)

ไลฟ์ อัลบั้ม
1969 Ummagumma (ครึ่งสตูดิโออัลบั้ม ครึ่งแสดงสด)
1988 Delicate Sound of Thunder
1995 P•U•L•S•E
2000 Is There Anybody Out There?

วีดีโอ
1972 Live at Pompeii
1982 The Wall
1989 Delicate Sound of Thunder
1992 La Carrera Panamericana
2003 The Making of The Dark Side of the Moon
2006 P•U•L•S•E DVD
ชุดรวมเพลง
1971 Relics
1973 A Nice Pair
1981 A Collection of Great Dance Songs
1983 Works 68
1992 Shine On
2001 Echoes: The Best of Pink Floyd
2007 Oh, By The Way








Wallpaper

Pink Floyd wallpaper 1

Pink Floyd wallpaper 2

Pink Floyd wallpaper 3

Radiohead - Biography




Radiohead เป็นวงดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟร็อกจากอังกฤษ ก่อตั้งวงที่อ๊อกซ์ฟอร์ดไชร์ ประกอบด้วยสมาชิก ทอม ยอร์ก (ร้องนำ, กีตาร์ริทึ่ม, เปียโน, อีเลกโทรนิกส์), จอนนี กรีนวูด (กีตาร์ลีด, เครื่องดนตรีอื่น) เอ็ด โอ'บรีน (กีตาร์ ร้องประสาน) ,โคลิน กรีนวูด (กีตาร์เบส เครื่องสังเคราะห์เสียง) และ ฟิล เซลเวย์ (กลอง เพอร์คัชชัน) เรดิโอเฮดออกอัลบั้มมาแล้ว 7 ชุด และมียอดขาย 23 ล้านชุด


เรดิโอเฮดออกซิงเกิ้ลแรก "Creep" ในปี 1992 และอัลบั้มแรก Pablo Honey ในปี 1993 ถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ช่วงแรก แต่ "Creep" ก็สามารถสร้างความนิยมในเวลาต่อมาในการขายใหม่ในปีถัดมา ความนิยมของเรดิโอเฮดในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นหลังจากออกผลงานชุดที่ 2 The Bends (1995) วงได้รับเสียงวิจารณ์ในทางที่ดีและจากแฟนเพลง และผลงานชุด OK Computer (1997) เรดิโอเฮดก็ยิ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลก






การออกอัลบั้ม Kid A (2000) และ Amnesiac (2001) เป็นจุดสูงสุดของวง ถึงแม้คำวิจารณ์จะถูกแบ่งออกไปเรื่องเกี่ยวกับแนวเพลงที่เปลี่ยนไป เป็นดนตรีในแนวทดลอง หลังจากนั้นเรดิโอเฮดออกจากสังกัดเพลงอีเอ็มไอ และออกผลงานอัลบั้มชุดที่ 7 In Rainbows (2007) ผ่านทางเว็บไซต์ให้ดาวน์โหลด




จาก http://th.wikipedia.org/wiki/Radiohead




ผลงาน
Pablo Honey (1993)
The Bends (1995)
OK Computer (1997)
Kid A (2000)
Amnesiac (2001)
Hail to the Thief (2003)
In Rainbows (2007)



















Wallpaper

Radiohead wallpaper 1

Radiohead wallpaper 2